"รสนา" ย้ำ ต้องตั้ง "กระทรวงพลังงานหมุนเวียน" เปิดแข่งขันเสรี "ปิโตรเลียม VS พลังงานหมุนเวียน"

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 29, 2012 09:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ส.ค.--กรีนพีซ “รสนา” ย้ำ ต้องตั้ง “กระทรวงพลังงานหมุนเวียน” เปิดแข่งขันเสรี “ปิโตรเลียม VS พลังงานหมุนเวียน” ให้ประชาชนเลือก ตัดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนกลุ่มการเมือง- ธุรกิจปิโตรเลียม ชี้โครงสร้างเดิมบอนไซพลังงานหมุนเวียนแน่ “ แป้งโกะ” เตรียมแจม กรีนพีซจัดสตรีทมิวสิค ผลักดันกฎหมายพลังงานหมุนเวียน วันศุกร์ที่ 31 ส.ค. นี้ นางสาวรสนา โตสิตระกูล สว.กทม. กล่าวว่า เรื่องการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และส่วนตัวขอย้ำว่า ต้องมีการตั้งกระทรวงพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนมีอิสระและมีเอกภาพ ทั้งนี้ประเทศไทยประสบปัญหาเดียวกับหลายประเทศทั่วโลกคือการต่อสู้ระหว่างการกินรวบทางอำนาจซึ่งเป็นเรื่องของกลุ่มการเมืองกับพวกพ้อง กับ การกระจายอำนาจซึ่งเป็นเรื่องของประชานชน โดยนโยบายด้านการพลังงานทั้งหมดถูกครอบงำโดยธุรกิจพลังงานปิโตรเลียมที่มาจากฟอสซิล โดยไม่มีส่วนร่วมจากประชาชนเลย “ตราบใดที่ธุรกิจพลังงานเหล่านี้ยังไม่สามารถสัมปทานดวงอาทิตย์ได้ พลังงานหมุนเวีย เช่น พลังงานแสงอาทิตย์จะเกิดขึ้นไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะมีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วที่สหรัฐอเมริกาที่บริษัทเจเนรัลมอเตอร์ ทำการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า แต่ต้องหยุดกิจการไปเพราะถูกบริษัทเชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทปิโตรเลียมขนาดใหญ่มาควบคุมกิจการเพื่อยุติโครงการดังกล่าว ดังนั้น พลังงานหมุนเวียนจะไม่เกิดขึ้นตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้การครอบงำของระบบธุรกิจพลังงานขนาดใหญ่” นางสาวรสนา กล่าว ส.ว. กทม. กล่าวว่า การเกิดขึ้นของพลังงานหมุนเวียนเกิดขึ้นได้ยากมาก หากต้องการมีการปฏิวัติพลังงานจริงๆ ต้องเรียกร้องให้มีการแยกกระทรวงพลังงาน โดยแบ่งเป็นกระทรวงพลังงานด้านการปิโตรเลียม และ กระทรวงพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้มีการแข่งขัน ไม่เช่นนั้นพลังงานหมุนเวียนที่ประชาชนผลิตออกมาถูกควบคุมโดยพลังงานปิโตรเลียมแน่นอน เช่น การผลิตเอทานอลที่ควรเป็นพลังงานทางเลือก แต่กลับทำไม่ได้กฎหมายไม่เอื้อทำให้ต้องขายให้กับบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่เท่านั้น โดยรับซื้อในราคา 16 บาท แต่นำมาขายประชาชนในราคา 23 บาท เห็นได้ว่าธุรกิจปิโตรเลียมต้องการบอนไซธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทุกชนิดแน่นอน เพราะหากพลังงานหมุนเวียนเกิดได้พวกเขาก็เสียประโยชน์ ซึ่งโครงสร้างด้านพลังงานปิโตรเลียมของไทยถูกผูกขาดอย่างมาก ไม่มีการกระจายอำนาจ ดังนั้นหากสภาพแบบนี้ยังคงอยู่พลังงานหมุนเวียนจะเกิดแบบผักชีโรยหน้าให้มันดูสวยงามว่ามีการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียนแล้ว แต่อยู่ในสัดส่วนที่น้อยมาก และยังมีโครงการสร้างโรงไฟฟ้าและนิวเคลียร์อยู่เหมือนเดิม ดังนั้น หากเรายกร่างกฎหมายที่อยู่ภายใต้กระทรวงพลังงานที่อยู่ภายใต้กลุ่มบุคคลที่ส่งเสริมพลังงานปิโตรเลียม พลังงานหมุนเวียนจึงเกิดไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน พลังงานฟอสซิลทั้งหมดจึงถูกผูกขาดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ซึ่งเป็นปัญหาเดียวกันทั่วโลก ที่กลุ่มทุนและกลุ่มการเมืองจับมือกันเพื่อให้ได้มาสู่อำนาจรัฐ และการกระจายอำนาจจะไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ประชาชนอยากเห็นโครงการ 1 ชุมชน 1 เมกะวัตต์ แต่สิ่งนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะ การไฟฟ้่าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ได้วางระบบประกันกำไรให้กับ กฟผ. 8.4% ต่อการลงทุน ดังนั้นไม่มีทางที่ กฟผ. จะเลิกสร้างโรงไฟฟ้า เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถสร้างกำไรได้ ยิ่งการลงทุนสูงเท่าใด กำไรก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากดูจากแผนพีดีพีอีก 20 ปีจากนี้ไป เราต้องลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า 4 แสนล้านบาท ดังนั้นพลังงานจึงเป็นตัวดูดงานจากกระเป๋าของเราไปสู่กลุ่มธุรกิจพลังงานซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มอำนาจการเมือง ประชาชนทั่วไปต้องเข้ามาแก้ไขเรื่องนี้ ทั้งนี้ กรีนพีซได้จัดรณรงค์ “ปฏิวัติพลังงานผ่านกฎหมายพลังงานหมุนเวียน” อย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 31 ส.ค. นี้ กรีนพีซเตรียมจัดสตรีทมิวสิค จากพลังงานหมุนเวียน ที่ เอเชียทีคเดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ถนนเจริญกรุง ในเวลา 19.00 — 20 .00 น. โดยมีศิลปินมากความสามารถขวัญใจวัยรุ่น “แป้งโกะ” จินตนัดดา ลัมมะกานนท์ มาร่วมแจมด้วย โดยกรีนพีซได้เรียกร้องให้กฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่รัฐบาลกำลังยกร่าง ต้องมีหลักการขั้นพื้นฐาน 5 ข้อดังต่อไปนี้ 1.รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืนเป็นอันดับแรก ผู้ผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนสามารถเข้าถึงระบบสายส่งก่อนพลังงานอื่นๆ 2. ทุกคน ทุกบ้าน ทุกหย่อมหญ้า สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้และขายเข้าสู่ระบบสายส่งไฟฟ้า ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการใช้และผลิตพลังงานหมุนเวียน 3.การบริหารจัดการระบบโครงข่ายไฟฟ้าต้องมีความโปร่งใสและราคาไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนมีความเป็นธรรม 4.ต้องมีการจัดตั้งกองทุนและพัฒนาศักยภาพและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนในทุกจังหวัด และเพิ่มอัตราการจ้างงานจากการลงทุนและการดำเนินงานระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืน 5.ผู้ใช้ไฟฟ้ามีสิทธิเลือกใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืนแทนไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล เพื่อสร้างจิตสาธารณะร่วมกัน ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม โดยกรีนพีซเริ่มการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องทั้งทางออนไลน์และการจัดกิจกรรมตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อระดมพลังประชาชนอย่างน้อย 55,555 คน เพื่อผลักดันให้เกิดกฎหมาย พลังงานหมุนเวียนฉบับแรกของไทยโดยเร็วที่สุด รายละเอียดที่ http://www.greenpeace.or.th/GoRenewable/

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ