รถยนต์คันที่ 350 ล้านของฟอร์ดเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลก — ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ บริษัทพร้อมตั้งเป้าขยายการเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก

ข่าวยานยนต์ Friday August 31, 2012 14:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทิจีส์ - ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ที่ผลิตในประเทศไทย คือตัวแทนความสำเร็จครั้งสำคัญในฐานะรถคันที่ 350 ล้านของฟอร์ด - ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ เป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลก ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ - ฟอร์ดใช้แผน One Manufacturing ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายทั่วโลก และทำให้บริษัทปรับการทำงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว - กลยุทธ์การทำงานดังกล่าวของฟอร์ดจะช่วยเพิ่มความมีคุณภาพและมอบตัวเลือกอันหลากหลายให้แก่ลูกค้า ด้วยรถรุ่นใหม่หรือรถที่ได้รับการปรับโฉมใหม่หลายสิบรุ่น ซึ่งจะทำให้ฟอร์ดเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีรถรุ่นใหม่ๆ วางจำหน่ายในตลาดโลกมากที่สุดไปจนถึงปีพ.ศ. 2559 ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของบริษัทจากการผลิตรถได้เป็นคันที่ 350 ล้าน และรถคันประวัติศาสตร์ดังกล่าวคือรถยนต์นั่งระดับโลก ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลกและเป็นรถรุ่นที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของฟอร์ดซึ่งขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวของการผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมันเพิ่มมากขึ้น และแผนการสร้างความเติบโตอย่างมีกำไรในประเทศต่างๆ ทั่วโลก “การผลิตรถยนต์ 350 ล้านคันนับเป็นจำนวนมหาศาล” มร. จอห์น เฟลมิ่ง รองประธานบริหารฝ่ายการผลิตระดับโลกของฟอร์ด กล่าว “เทียบได้กับการผลิตรถใหม่ 1 คันทุกๆ 10 วินาที เป็นเวลา 109 ปีต่อเนื่องกัน และถ้าเรานำรถทั้งหมดที่ผลิตได้มาจอดต่อๆ กันก็จะเทียบได้กับระยะทางไป-กลับระหว่างโลกและดวงจันทร์ถึง 2 รอบด้วยกัน ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเราจึงตื่นเต้นกันมากกับอนาคตของบริษัท” ฟอร์ดเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญในการผลิตรถคันที่ 350 ล้านนี้ ณ โรงงานระดับโลกแห่งใหม่ล่าสุดซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดระยอง ประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพฯ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ซึ่งเกิดจากการลงทุนมูลค่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท) เปิดทำการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2555 เพื่อผลิตรถยนต์ระดับโลก ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ซึ่งเป็นรถฟอร์ดรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลก โรงงานเอฟทีเอ็มแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของฟอร์ดในการผลิตรถยนต์ระดับโลกด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย การติดตั้งเครื่องปั๊มขึ้นรูปชิ้นส่วนใหม่ มีแผนกประกอบตัวถังที่มีความยืดหยุ่นสูง และใช้หุ่นยนต์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยให้โรงงานผลิตรถได้สูงสุดถึง 6 รุ่นในเวลาเดียวกัน “การผลิตรถคันนี้สำหรับฟอร์ดในประเทศไทย ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งเท่านั้น” มร. เฟลมิ่ง กล่าว “แต่เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นถึงแผนการสร้างความเติบโตให้แก่บริษัทด้วยการผลิตรถยนต์ระดับโลกที่ดีเยี่ยมภายในโรงงานที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพในการผลิตสูง ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่หมายถึงในโรงงานฟอร์ดทุกแห่งทั่วโลก” จากเฮนรี่ ฟอร์ด สู่ One Ford และ One Manufacturing นับตั้งแต่บริษัทก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2446 ฟอร์ดนับว่าเป็นผู้นำในการปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ เริ่มตั้งแต่การผลิตรถรุ่นโมเดล ที ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกหลงรักการเดินทางด้วยรถยนต์ซึ่งอยู่ในราคาที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ ในช่วงครึ่งศตวรรษแรก ฟอร์ดค่อยๆ เติบโตขึ้นพร้อมๆ กับการขยายตัวของประชากรผู้ขับขี่ยานยนต์ทั่วโลก ฟอร์ด ธันเดอร์เบิร์ด รุ่นปี 1958 คือรถคันที่ 50 ล้านที่บริษัทผลิตขึ้นภายในช่วงเวลาเพียงกว่า 50 ปี ควบคู่กับการสร้างฐานลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ที่มีความภักดีต่อแบรนด์ฟอร์ดจำนวนมหาศาล ต่อมาอีก 5 ทศวรรษ ฟอร์ดได้ผลิตรถรวมกว่า 300 ล้านคันทั่วโลก เป็นที่มาของตำนานสุดยอดรถยนต์ยอดนิยมมากมายหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นฟอร์ด เอ็กซ์พโลเรอร์ เอฟ-150 เฟียสต้า โฟกัส ฟิวชั่น (มอนเดโอ) ทอรัส และมัสแตง รวมทั้งยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีอันทันสมัยมากมาย อาทิ ฟอร์ด ซิงค์ ซึ่งเป็นระบบเชื่อมต่อการสื่อสารเพื่อสาระบันเทิงภายในรถยนต์ “จากความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมยานยนต์ของเฮนรี่ ฟอร์ด สู่การทำงานของเราในวันนี้ที่ขับเคลื่อนด้วยแผน One Ford เรากำลังพลิกโฉมหน้าฟอร์ดในยุคใหม่ให้มีความพร้อมที่จะแข่งขันในตลาดทั่วโลก ด้วยการนำเสนอตัวเลือกของรถยนต์ระดับโลกหลากหลายรุ่นที่พร้อมตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่มองหาความมีคุณภาพ ความประหยัด ความปลอดภัย การออกแบบอันชาญฉลาด และความคุ้มค่าคุ้มราคา” มร. เฟลมิ่ง กล่าว ส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการทำงานภายใต้แผน One Ford นั่นคือการวางแผนการผลิตแบบใหม่ที่เรียกว่า One Manufacturing ซึ่งเป็นการทำงานอีกส่วนหนึ่งที่จะช่วยพลิกโฉมหน้าการดำเนินธุรกิจของฟอร์ดทั่วโลก ด้วยการวางมาตรฐานการทำงานที่มีคุณภาพเดียวกันทั่วโลก เพิ่มการผลิตในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และเร่งเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตขึ้นจากโครงสร้างตัวถังระดับโลกน้อยชุด แต่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างรอบด้าน ทั้งยังช่วยให้กระบวนการผลิตมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และสร้างกำไรให้แก่บริษัทได้โดยอาศัยการผลิตในปริมาณมากเพื่อวางจำหน่ายทั่วโลก ภายในปีพ.ศ. 2556 รถที่ผลิตขึ้นภายใต้แผน One Manufacturing ของฟอร์ดจะมีสัดส่วนมากกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของรถยนต์ที่ฟอร์ดผลิตขึ้นจากโครงสร้างตัวถังหลักๆ ทั้งหมด 9 ชุด และทำให้บริษัทสามารถนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ในอีก 4 ปีข้างหน้า ฟอร์ดจะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มีผลิตภัณฑ์ระดับโลกรุ่นใหม่ๆ มากที่สุด โดยบริษัทคาดว่า 168 เปอร์เซ็นต์ของรถที่วางจำหน่ายทั้งหมดจะได้รับการออกแบบใหม่หรือได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ไปตลอดจนถึงปีพ.ศ. 2559 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตขึ้นอีกขั้น ระบบ One Manufacturing ยังได้กำหนดกระบวนการผลิตที่มีมาตรฐานเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน ใช้ศักยภาพในการผลิตที่มีอยู่อย่างคุ้มค่ายิ่งขึ้น และเพิ่มค่าตอบแทนจากการลงทุนของบริษัท เทคนิคในการผลิตอันทันสมัย กระบวนการประกอบตัวถังที่มีความยืดหยุ่นสูง และการใช้ระบบคอมพิวเตอร์แบบเสมือนจริงในการผลิต จะช่วยให้โรงงานที่มีความยืนหยุ่นสูงสามารถผลิตรถได้สูงสุดถึง 7 รุ่นบนสายการผลิตเดียว ซึ่งจะช่วยให้บริษัทตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเพิ่มความมีคุณภาพ และลดใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกมากมายที่เกี่ยวเนื่องกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ หรือการปรับโฉมรถรุ่นใหม่ของบริษัท การที่ผู้บริโภคทั่วโลกมีความต้องการรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ฟอร์ดจึงวางแผนที่จะใช้แนวทางการผลิตดังกล่าวเพื่อเพิ่มยอดขายรถฟอร์ดทั่วโลกราว 50 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวน 8 ล้านคันภายในช่วงกลางทศวรรษ โดยมีทวีปเอเชียเป็นตลาดหลัก บริษัทคาดว่าตลาดเอเชียจะมีสัดส่วนเท่ากับหรือมากกว่า 1 ใน 3 ของยอดขายรถฟอร์ดทั้งหมดภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกาเป็นตัวนำ ในฐานะส่วนหนึ่งของการทำงานภายใต้แผน One Ford ประเทศไทยซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา นับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต และยังจะช่วยสร้างให้เกิดความสมดุลทางภูมิศาสตร์มากขึ้น การฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของฟอร์ดในประเทศไทยในวันนี้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการขยายการดำเนินธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549 เป็นต้นมา ฟอร์ดได้ลงทุนในภูมิภาคนี้ไปแล้วถึง 6.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2 แสนล้านบาท) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการลงทุนเป็นมูลค่ามหาศาลและมีแผนการขยายธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้อย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นที่คาดการณ์ว่าประชากรกลุ่มนี้จะผลักดันการเติบโตของตลาดยานยนต์คิดเป็นสัดส่วนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ไปจนถึงปีพ.ศ. 2563 ทั้งนี้ แผนการลงทุนและการขยายธุรกิจหลักๆ ของฟอร์ดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา ประกอบด้วย - การเปิดตัวโรงงานใหม่ 9 แห่ง โดยแบ่งเป็นโรงงาน 6 แห่งในประเทศจีน 2 แห่งในประเทศอินเดีย และ 1 แห่งในประเทศไทย ด้วยศักยภาพในการผลิตรถยนต์ 2.9 ล้านคันภายในช่วงกลางทศวรรษ - การเปิดตัวรถยนต์และระบบส่งกำลังรุ่นใหม่ๆ กว่า 50 รุ่นภายในช่วงกลางทศวรรษ ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวรถใหม่ 15 รุ่นในประเทศจีน ภายในปีพ.ศ. 2558 การเปิดตัวรถใหม่ 8 รุ่นในประเทศอินเดียภายในปีพ.ศ. 2558 การเปิดตัวรถใหม่ 8 รุ่นในภูมิภาคอาเซียน และการเปิดตัวรถใหม่อีก 4 รุ่นในไต้หวัน - การทำให้ 95 เปอร์เซ็นต์ของรถที่ผลิตในภูมิภาคนี้ เป็นรถที่ผลิตขึ้นจากโครงสร้างตัวถังระดับโลกของฟอร์ดภายในช่วงกลางทศวรรษ - การขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายฟอร์ดในภูมิภาคเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวภายในช่วงกลางทศวรรษ คำบรรยายภาพ ทีมผู้บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของบริษัทในการผลิตรถคันที่ 350 ล้าน ทั่วโลก ณ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ซึ่งเป็นโรงงานแห่งใหม่อันทันสมัยจากการลงทุนมูลค่า 450 ล้านเหรียญสหรัฐ ในจังหวัดระยอง โดยรถคันประวัติศาสตร์นี้คือ ฟอร์ด โฟกัส ใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดในโลกในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2555 (จากซ้าย-ขวา) มร. จอห์น เฟลมิ่ง รองประธานบริหาร ฝ่ายการผลิตและแรงงานสัมพันธ์ ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี มร. แกรี่ จอห์นสัน รองประธานฝ่ายการผลิต ฟอร์ด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา มร. เทรเวอร์ เนกัส ผู้อำนวยการโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) มร. แมท แบรดลีย์ ประธาน ฟอร์ด อาเซียน และ มร.เทอรี่ แซพส์ฟอร์ด ผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการผลิตวิศวกรรมรถยนต์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา
แท็ก ฟอร์ด   โฟกัส  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ