กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--ทรู คอร์ปอเรชั่น
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู ได้รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 2 และครึ่งแรกของปี 2547 โดยมีรายได้รวม และ กำไรจากจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 4.4 และ 10.1 ตามลำดับ ในงวดครึ่งแรกของปี 2547 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546
ในไตรมาสที่ 2 ปี 2547 รายได้รวมเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็น 7.1 พันล้านบาท ในขณะที่ EBITDA เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 7 รายได้จากบริการเสริมของธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐานและบริการอินเทอร์เน็ต เพิ่มขึ้นอย่างสูงในอัตราร้อยละ 31.7 และ 126.2 ตามลำดับ และรายได้จากทีเอ ออเร้นจ์ เพิ่มขึ้น ในอัตราร้อยละ 4.4
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่แล้ว บริษัทมีรายได้รวมลดลงในอัตราร้อยละ 2.9 โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจาก รายได้จากการขายสินค้าลดลง ในขณะที่ EBITDA ลดลงในอัตราร้อยละ 2.4 เป็นจำนวน 3.1 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม EBITDA Margin เพิ่มขึ้นเป็นอัตราร้อยละ 43.3
สำหรับในครึ่งปีแรกนี้ รายได้เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 4.4 จาก 13.8 พันล้านบาท เป็น 14.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตขึ้นอย่างมากของรายได้จากบริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 169.6 เป็น 487 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 136.5 เป็น 224 ล้านบาท จากการที่มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นร้อยละ 260 นอกจากนั้นบริษัทยังมีรายได้บริการเสริมของโทรศัพท์พื้นฐาน เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 28.3 เป็น 1.7 พันล้านบาท
รายได้จากทีเอ ออเร้นจ์ ตามสัดส่วนการลงทุน ในครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 10.5 จาก 2.6 พันล้านบาท เป็น 2.9 พันล้าน ซึ่งสามารถชดเชยการลดลงของรายได้จากธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร กล่าวว่า “ผลประ- กอบการได้สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่เหมาะสมของบริษัท หลังจากการปรับเปลี่ยนชื่อและสัญลักษณ์บริษัทเป็น "ทรู" ในเดือนเมษายน บริษัทได้นำเสนอบริการในรูปแบบของโซลูชั่น ด้านการสื่อสารต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันแก่บริษัท และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้สะท้อนรายได้ของบริษัท เนื่องจากรายรับจากลูกค้ารายใหม่ที่ควรได้ ยังเกิดขึ้นได้ไม่เต็มที่” คุณศุภชัย กล่าว
"บริการอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ และบริการเสริมต่างๆ เติบโตอย่างรวดเร็วในครึ่งปีแรก นอกจากนี้ ทีเอ ออเร้นจ์ ยังมีลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้นสุทธิกว่าเท่าตัว ในไตรมาสนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว บริษัทคาดว่า ทีเอ ออเร้นจ์จะมีจำนวนลูกค้าเพิ่มเป็น 2.7 ล้านราย ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนั้นหากบริษัทสามารถดำเนินการตามแผนการเพิ่มทุน ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท จะทำให้บริษัทสามารถลดหนี้สินของธุรกิจ PCT ลงได้อย่างมาก และจะทำให้ PCT มีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น” คุณศุภชัยกล่าว
EBITDA ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 มีจำนวน 6.2 พันล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจำนวน 5.7 พันล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นในอัตราร้อยละ 10.1 ส่วนใหญ่เนื่องจากทีเอ ออเร้นจ์ มีรายได้เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง EBITDA Margin โดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 43.1 หากไม่รวมทีเอ ออเร้นจ์ ทรูมี EBITDA เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.4 เป็น 6.1 พันล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก
ทรูได้รายงานผลขาดทุนสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2547 จำนวน 197 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นผลขาดทุนสุทธิที่ลดลงถึง 1.7 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิจำนวน 1.9 พันล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนหนึ่งมาจากบริษัทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้พีซีที (PCT) จำนวน 961 ล้านบาท ทั้งนี้หากพิจารณาผลการดำเนินงานก่อนรายการพิเศษต่างๆ บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2547 เป็นจำนวน 1.2 พันล้านบาท ลดลงจำนวน 932 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2546 ทั้งนี้เป็นผลมาจากการผลประกอบการที่ดีขึ้นของ ทีเอ ออเร้นจ์ และ ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน
สำหรับไตรมาส 2 ปี 2547 ทรูมีผลขาดทุนสุทธิโดยรวมจำนวน 473 ล้านบาท เปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 847 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2546 และผลกำไรสุทธิจำนวน 277 ล้านบาทในไตรมาสก่อน หากไม่รวมทีเอ ออเร้นจ์ ทรูจะมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนรายการพิเศษจำนวน 25 ล้านบาทในไตรมาส 2 นี้ เปรียบเทียบกับผลขาดทุนในไตรมาสก่อน จำนวน 16 ล้านบาท เมื่อรวมส่วนแบ่งในผลกำไรของ UBC ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทีเอ ออเร้นจ์ มี EBITDA ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้รับรู้ EBITDA จากทีเอ ออเร้นจ์ จำนวน 114 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ เปรียบเทียบกับจำนวน 97 ล้านบาท ในไตรมาสที่แล้ว ในขณะที่ได้รับรู้ขาดทุนจากทีเอ ออเร้นจ์ ลดลง เป็น 487 ล้านบาท จากจำนวน 589 ล้านบาท ในไตรมาสที่ผ่านมา
ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ ก่อนรายการพิเศษ จำนวน 213 ล้านบาท ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ซึ่งนับเป็นผลประกอบการที่ดีขึ้นจำนวน 491 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นายวิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (CFO) กล่าวเสริมว่า “จากความสำเร็จในการลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ ทีเอ ออเร้นจ์ ได้สะท้อนถึงศักยภาพของบริษัทที่จะใช้ทรัพยากรระหว่างกลุ่มทรู ร่วมกัน ซึ่งช่วยชดเชยรายได้ที่เติบโตช้าลงในไตรมาสนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน อีกทั้งช่วยทำให้อัตราการทำกำไร ณ ระดับ EBITDA (EBITDA margin) เพิ่มขึ้น"
“ธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเรา ยังคงสามารถสร้างผลกำไร (ก่อนรายการพิเศษ) และคาดว่าจะมีผลกำไรตลอดทั้งปี 2547 ทีเอ ออเร้นจ์ มี EBITDA เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะมี EBITDA ที่เพียงพอสำหรับดอกเบี้ยจ่ายในปีนี้”
“บริษัทมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานหลังรายจ่ายลงทุน (ไม่รวมทีเอ ออเรนจ์) เติบโตในอัตราร้อยละ 22.2 เป็น 2.9 พันล้านบาทสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2547 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายลงทุนลดลง ทำให้เราสามารถลดภาระหนี้สินได้ จำนวน 4.1 พันล้านบาทได้ภายในครึ่งปีแรกนี้ (รวมหนี้สิน PCT ที่ลดลงจากการปรับโครงสร้างหนี้ เฟส 1) และทำให้อัตราหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ลดลงจาก 4.7 เท่า ในปี 2546 เป็น 4.3 เท่า หากไม่รวม ทีเอ ออเร้นจ์
“ทรูมีแผนที่จะเพิ่มทุน ซึ่งจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น และจะช่วยลดอัตราหนี้สินสุทธิ ต่อ EBITDA ให้ต่ำกว่า 4 เท่า ไม่รวมทีเอ ออเร้นจ์“
“ในเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา บริษัท ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 2.4 พันล้านบาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ทำให้สัดส่วนหนี้สินที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ เพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ 74 หากไม่รวม ทีเอ ออเร้นจ์” นายวิลเลี่ยม แฮริส กล่าวในที่สุด
ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทรู
คุณณวนุช / โปรดปราน
โทรศัพท์ 0-2643-9691 กด 1-3
โทรสาร 0-2699-4909
คุณประภาส/จิตฤทัย
โทรศัพท์ 0-2662-0484 / 01-827-7354 , 0-9780-7335--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--