สมิติเวชไอเดียเก๋…ผุดเทรนด์การรักษาแบบใหม่ “Lifestyle Medicine” ป้องก่อนป่วย

ข่าวทั่วไป Monday September 3, 2012 09:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ก.ย.--โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เป็นที่รู้กันว่าปัจจุบันชีวิตของคนทำงานส่วนมากเต็มไปด้วยความเร่งรีบ การแข่งขัน ความกดดัน และความเครียด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลร้ายต่อสุขภาพแบบไม่รู้ตัว ผ่านพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนไปจากปกติ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา แะน้ำหนักตัวเกิน จนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บตามมา อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดัน หรือโรคหัวใจ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสุขภาพเหล่านี้ อาจยังไม่ปรากฏในวันที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุด แต่หากปล่อยไว้เนิ่นนานไม่เข้ารับการรักษา โรคร้ายที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นได้กับตัวคุณ!! ด้วยความเชื่อที่ว่า “ชีวิตไม่ได้ต้องการเพียงแค่ความรัก ความสำเร็จเท่านั้น แต่สุขภาพที่ดีต่างหากจะเป็นแกนหลักที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์” โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โรงพยาบาลชั้นนำของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงเปิดตัว Life Center สมิติเวชโฉมใหม่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยสนับสนุนและพัฒนาการแพทย์หลายศาสตร์ ทั้งแพทย์เฉพาะทาง แพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์ทางเลือกอย่างแผนจีน ไว้ช่วยเตรียมความพร้อมให้คนได้รู้ทันและป้องกันก่อนเกิดโรค อีกทั้ง ยังสามารถสรรหาวิธีดูแลสุขภาพในแบบที่เหมาะสมกับตนเองด้วย นายแพทย์โชคชัย จารุศิริพิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ที่ Life Center สมิติเวช สุขุมวิท เข้าใจปัญหาจากสาเหตุที่แท้จริง จึงได้นำเอาแนวการดูแลรักษาแบบ "Lifesyle Medicine" ซึ่งเป็นแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบใหม่ ที่เน้นการป้องกันและปรับพฤติกรรมเพื่อสร้างสมดุลแห่งสุขภาพ ผ่านการรักษาเชิงวิเคราะห์วิถีชีวิตของผู้ป่วยแต่ละราย ว่าสาเหตุเสี่ยงเกิดโรคจากการใช้ชีวิตประจำวันมีอะไรบ้าง โดยให้บริการครอบคลุมทั้งสุขภาพและความงาม ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นว่า สุขภาพที่ดีต่างหากจะเป็นแกนหลักที่ทำให้ชีวิตสมบูรณ์ จ๋า-ยศสินี ณ นคร ผู้จัดละครมากฝีมือ ในฐานะเจ้าสาวหมาด ๆ ที่ควงคู่มากับสามี เปิ้ล-ณัฐบูร ไตรณัฐี ก็เชื่ออย่างนั้นเช่นกัน โดยเจ้าตัวบอกเลยว่า อายุที่เข้าใกล้เลข 3 ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถึงเวลาที่ต้องหันมาดูแลร่างกายของตัวเองอย่างจริงจัง และสเต็ปแรกของการดูแลสุขภาพก็คือการพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย มิเช่นนั้นก็จะคิดเอง ทำเอง แต่รักษาไม่ถูกจุดก็มี “ตัวจ๋าเป็นคนชอบออกำลังกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดการเจ็บป่วยใด ๆ ล่าสุดเกิดอาการทุกอย่างในร่างกายแห้ง ผิวแห้ง ผมแห้ง ทุกอย่างแห้งไปหมด แถมมีอาการนอนไม่หลับร่วมด้วย ก็ฉุกใจว่าเป็นอะไร ทั้ง ๆ ที่เป็นคนชอบออกกำลังกาย และทานวิตามินบำรุงเป็นประจำ พอมาพบแพทย์ที่ ไลฟ์ เซ็นเตอร์ ก็ถึงได้รู้ว่ามีความเครียดสะสมจากการทำงาน และค่าเลือดที่ออกมาก็แจ้งว่าร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระต่ำ คาดว่าเป็นผลมาจากสภาพแวดลอมในการทำงานมีแต่มลภาวะ คุณหมอเลยให้วิตามินที่ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ ผิวก็ชุ่มชื้นขึ้น อีกกรณีจะเป็นเรื่องมีคอเลสตอรอลสูง ก็แปลกใจอีกเช่นกันว่าผอมขนาดนี้ทำไมถึงมีได้ พอมาตรวจก็คุณหมอกแนะนำให้ลดเพิ่มอาหารที่ควรกิน และจ๋าเป็นคนไม่กินผลไม้ คุณหมอก็แนะนำให้กินเป็นถั่วเมล็ดแห้งแทน คือเขามีทางออกให้เราเสมอ การมาตรวจร่างกายจึงเปรียบได้กับการมีไกด์ช่วยรักษาสุขภาพให้สมดุลจริง ๆ ค่ะ” ผู้จัดละครสาวกล่าว ด้านไฮโซสาวที่ผันตัวมาเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท เกรซ มหาดำรงค์กุล เป็นอีกหนึ่งคนที่รักสุขภาพยิ่งชีพ พร้อมเผยคติที่ยึดมั่นมาตลอดชีวิตว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคือสุขภาพที่ไร้โรค “ที่เกรซบอกเช่นนี้ เพราะเราตระหนักแล้วว่าร่างกายของเรามีเพียงหนึ่งเดียว หาตรากตรำทำงานหาเงินแล้วมารักษาชีวิตก็ใช่ที่ หรือแม้แต่การดูแลสุขภาพแบบสุดโต่งเกินไปนั้นก็ไม่ดี อย่างเกรซเองกินมังสวิรัติมาตลอด พอมาตรวจสุขภาพก็พบว่าร่างกายขาดโปรตีน เท่ากับว่าวิธีรักษาสุขภาพที่ทำมามันไม่สมดุล พอเราได้รู้อย่างนี้ เราก็สามารถทำชีวิตตัวเองให้สมดุลขึ้นได้ ล่าสุดก็เริ่มรับประทานเนื้อสัตว์บ้างแล้วค่ะ และมีการฝังเข็มกับแพทย์ทางเลือกเพื่อบำรุงปอดและไต ส่งผลขึ้นมากว่า 10 กิโลกรัม ถามว่ารับได้ไหมรับได้ค่ะ เพราะร่างกายเราดีขึ้น สุขภาพผิวพรรณก็ดีขึ้นตามไปด้วย” เกรซแจงด้วยยิ้มละไม ทั้งนี้ นักแสดงเจ้าบทบาทคนเดิมยังบอกด้วยว่า โรคบางโรคไม่ปรากฏอาการให้เห็น เหมือนอย่างที่เธอเป็นโรคขาดโปรตีน หรือแม้แต่การเป็นซีสต์ในมดลูก ซึ่งถ้าไม่ผ่านการตรวจร่างกายก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้ชีวิตป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง บางครั้งกว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว “เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโรคที่เราเป็นนั้นร้ายแรงขนาดไหน ดังนั้น ควรมาปรึกษาให้แพทย์วินิจฉัยให้จะดีกว่า และหนทางรับมือกับโรคร้ายแนะนำว่าให้ทำใจ อะไรจะเกิดก็ให้เกิด ยอมรับความจริงดีกว่าโกหกตัวเองแล้วสุขภาพทรุด สู้เปิดใจรับ สร้างกำลังใจ และหาหนทางรักษาต่อไปดีกว่าแน่นอน” จากข้อคิดดี ๆ ของสองสาว มาสู่หนุ่มใหญ่เจ้าของธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่ม ที่มีภาพลักษณ์แฮปปี้แมนอยู่เป็นนิจนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเขาผู้นี้ก็มีโรคแฝงตัวอยู่ร่างกายเช่นกัน ตัน ภาสกรนที เผยว่า โชคดีที่โรคที่เป็นอยู่ไม่ร้ายแรงอะไรมาก แค่ร่างกายขาดน้ำเพราะเสียเหงื่อเวลาเดินตรวจโรงงาน แต่มีที่น่าห่วงอยู่บ้างคือเรื่องน้ำหนักเกิน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการชอบทานของอร่อย และมักทานในเวลากลางคืน ทำให้ต่อมไร้ท่อทำงานได้ไม่ดีนัก แพทย์เลยแนะนำให้ปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร โดยงดกินดึกและหันมาทานช่วงเช้าแทน ซึ่งก็ได้ผลเพราะน้ำหนักลดเอง 2-3 กิโลกรัม และความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไธรอยด์ เบาหวาน หัวใจ หรือฮอร์โมนเพศผิดปกติก็จะลดลงด้วย “ที่ผ่านมาหลายคนเสียเวลาเป็นสิบปีไปกับเรื่องเหลวไหลหรือมุมานะให้กับงานจนเกินไป แต่วันเวลาที่ใครหลายคนบอกเอาย้อนกลับมาไม่ได้ จริง ๆ แล้วทำได้ครับ เพียงแต่คุณออกกำลังกายคุณก็จะได้เวลาชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 10 ปี ถ้าดูแลสุขภาพตัวเองร่วมด้วยก็เพิ่มอีก 10 ปี และหาอะไรทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม เวลาแห่งชีวิตก็จะเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่ากับว่าคุณจะหนุ่มและสาวขึ้นอีก 30 ปีเชียวนะครับ เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่คุณจะลุกออกมาตรวจสุขภาพกัน” ขณะที่ แพทย์หญิงสมสิริ สกลสัตยาทร กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สมิติเวช สำทับถึงความสำคัญของการป้องกันสุขภาพอย่างถูกวิธี ด้วยการเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายว่า นับจากนี้เทรนด์การแพทย์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต จะมีทิศทางในการรักษาแบบป้องกันมากกว่าแก้ไขเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพราะพิสูจน์แล้วว่าเม็ดเงินที่ใช้จ่ายไปกับการรักษาสูงกว่าการป้องกันถึง 10 เท่า ซึ่งถ้าทำได้จริงคนทั่วไปก็สามารถประหยัดรายจ่าย ขณะที่ประเทศเองก็ไม่ต้องนำภาษีมาซื้อยารักษาโรคป่วยเรื้อรังให้ประชาชน “โรคบางโรคและหลายโรคด้วยซ้ำที่เราสามารถป้องกันไม่ให้เป็นได้ เพียงแค่เราหันมาดูแลเอาใจใส่ตัวเอง กลับกันถ้าเราละเลยและปล่อยให้เป็นโรค เช่น เบาหวาน หรือความดัน แค่เพียงสองโรคก็เป็นไปตลอดชีวิตแล้ว และถ้าอาการของโรคร้ายแรงอาจส่งผลต่อการทำงานของตาและสมอง ดีไม่ดีกลายเป็นบุคคลอัมพาตหรือพิการเข้าไปอีก ฉะนั้น คนที่มีอายุ 30-40 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพและดูแลเอาใจใส่ตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งทางไลฟ์ เซ็นเตอร์ของเราก็พร้อมให้บริการในจุดนี้ ด้วยการให้ความรู้ควบคู่ไปกับการรักษาเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนค่ะ” กรรมการผู้จัดการ บมจ.สมติเวชกล่างทิ้งท้าย. อย่างไรก็ดี ภายในงานเปิดตัวยังมีการเผยแพร่สูตรม็อกเทลที่ดีต่อสุขภาพให้ผู้สนใจนำกลับไปทำทานที่บ้าน จากแพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนากุล หรือหมอผิง แพทย์ผิวหนังและผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย รพ.สมิติเวช สุขุมวิท โดยสูตรแรกในชื่อสุดเก๋ว่า โยกี้เบอร์รี่ เพื่อผิวสวย ส่วนประกอบสำคัญมี โยเกิร์ตรสธรรมชาติที่มีแบคทีเรียดีพรีไบโอติก น้ำมิกซ์เบอร์รี่ที่มีแอนตี้ออกซิแดนซ์สูง ตามด้วยสตรอเบอร์รี่ ใส่น้ำแข็งแล้วเชคพร้อมดื่ม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องบำรุงผิวพรรณให้อิ่มเอิบสดใส สูตร 2 ในชื่อสุดเท่ กัปตันกรีนที ที่มาพร้อมกับกรีนทีชั้นยอดมากล้นด้วยอนุมูลอิสระ และน้ำสัปปะรดที่มีฤทธิ์ช่วยย่อยอาหารและลดการอักเสบต่าง ๆ ตบท้ายด้วยฮันนี่ดิวเมล่อน ที่อุดมด้วยสารเบต้าแครอทีนช่วยบำรุงสายตา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดคอเลสตอรอลในร่างกาย มาต่อกันที่สูตร 3 สำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ อันเนื่องมาจากขาดธาตุแมกนีเซียม ม็อกเทลสูตรนี้จะใช้ใบโหระพาออแกนิกเป็นพระเอก เพราะโหระพามีแมกนีเซียมมาก ขั้นตอนการทำก็ไม่ยาก เพียงแต่นำโหระพามาโขลก แล้วใส่หัวบีทที่มีสารลดกรดอะมิโนที่ไปเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ จากนั้นเติมน้ำสัปปะรด และเพิ่มความอร่อยด้วยน้ำส้มเขียวหวานแท้ที่มีวิตามินซีสูง ก่อนตบท้ายด้วยน้ำแอปเปิ้ลที่มีสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ช่วยให้ผิวพรรณผ่องเป็น ยองใย ส่วนม็อกเทลสูตรสุดท้ายเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นสาวหรือหนุ่มสองพันปี เนื่องจากมีส่วนผสมอย่างบีทกลาส ที่อุดมไปได้วยสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งเบต้าแครอทีน วิตามินอี กลุ่มวิตามินดี และแร่ธาตุอีกหลายตัว แถมยังพรั่งพรูไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย ตามด้วยกีวี่และแอปเปิ้ลเขียวสองผลไม้ที่ฉ่ำไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยป้องกันภูมิแพ้และหวัด.
แท็ก Medicine   สมิติเวช  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ