กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)
เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับผู้ที่ลักลอบตัดไม้และบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ว่า ขณะนี้ทางการกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีกับบรรดานายทุนที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่าตลอดจนเจ้าของโรงเลื่อยไม้ที่แปรรูปไม้อย่างผิดกฎหมาย
ซึ่งเป็นคดีสำคัญและเป็นรายใหญ่กว่า 20 ราย ใน 7 จังหวัด ได้แก่ ตาก กาญจนบุรี เลย เพชรบูรณ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และ กระบี่
ทั้งนี้พบว่ามีคดีที่สำคัญได้แก่ การทำไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ จ.ตาก, การทำไม้ยางในที่ดินกรรมสิทธิ์ จ.กาญจนบุรี, การทำไม้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ จ.ชุมพร, การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จ.ชุมพร, การตัดไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี, การบุกรุกป่าซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของนกแต้วแร้วท้องดำ จ.กระบี่, การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์, การบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูเรือ จ.เลย และการบุกรุกที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก
สำหรับนายทุนตลอดจนผู้มีอิทธิพลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบตัดไม้และแปรรูปไม้อย่างผิดกฎหมายนั้น พบว่าบางรายมีตำแหน่งเป็นถึงนายตำรวจระดับใหญ่ ซึ่งจะได้ทำหนังสือแจ้งไปยังต้นสังกัดเพื่อให้ลงโทษทางวินัยและดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย ส่วนเจ้าของโรงเลื่อยไม้ที่แปรรูปไม้อย่างผิดกฎหมายนั้น ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของโรงเลื่อยและสั่งพักใบอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งภายหลังหากมีการตรวจสอบอย่างชัดเจนว่ามีการกระทำผิดแน่ชัดก็จะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการทันที
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทำไม้เถื่อนนั้น ถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ดังนั้นจึงได้ประสานกับกรมสรรพากรเพื่อให้ตรวจสอบการเสียภาษีย้อนหลัง รวมถึงการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อให้ตรวจสอบที่มาของรายได้และทรัพย์สินรวมถึงการยึดทรัพย์ด้วย
สำหรับผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึงกรกฎาคม 2547 พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 2,517 คดี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 792 คน ยึดไม้ของกลางได้ 5,955 ลูกบาศก์เมตร และมีพื้นที่ถูกบุกรุกรวมทั้งหมด 26,159 ไร่--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นท)--