กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
รัฐบาลจัดงานแสดงความขอบคุณ พร้อมประกาศเปิดรับความร่วมมือจากภาคเอกชน หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ เข้าเป็นแนวร่วมในโครงการ “รวมแรงไทย น้ำใสทุกคูคลอง” มั่นใจเป็นการรวมพลังครั้งสำคัญช่วยผลักดันให้ชุมชนเข้มแข็งและมีศักยภาพพร้อมดูแลคูคลองให้เป็นเส้นทางระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงพื้นที่น้ำท่วม ต่อเนื่องถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีแสดงความร่วมมือและมอบโล่ประกาศเกียรติคุณโครงการ “รวมแรงไทย น้ำใสทุกคูคลอง โดยมีนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงตัวแทนชุมชนริมคลอง เข้าร่วมงาน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชมและขอบคุณผู้ที่มีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนซึ่งทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นก็คือการเสริมระบบการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยหลังจากที่ภาครัฐได้ดำเนินการมอบหมายให้ภาคส่วนต่าง ๆ รวมทั้งกองทัพดำเนินการขุดลอกคูคลองจำนวน 277 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และกระทรวงการคลังต่อยอดด้วยการจัดกิจกรรมสร้างแนวร่วมดูแลคูคลอง ซึ่งเป็นการดำเนินการในรูปเครือข่าย ภายใต้แนวคิดพื้นฐานว่า การดูแลคูคลองอย่างต่อเนื่องจะสามารถเกิดได้จริงนั้น ต้องมาจากความร่วมมืออย่างสมัครใจของประชาชนผู้ที่อาศัยใกล้ชิดกับคูคลอง เพราะการรักษาคูคลองให้เป็นเส้นทางระบายน้ำ จำเป็นต้องอาศัยการตรวจตรา ทำความความสะอาด เก็บขยะและกำจัดผักตบอย่างต่อเนื่อง โดยมีภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐเป็นผู้สนับสนุนอย่างเข้มแข็ง ทั้งในรูปแบบของการร่วมแรง และร่วมบริจาค หรืออีกนัยหนึ่งคือ คนไกลน้ำให้การสนับสนุน และคนใกล้น้ำเป็นคนดูแล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเชิญชวนบริษัทเอกชนที่สนใจจะร่วมโครงการเพิ่มเติม สามารถแจ้งความจำนงกับกระทรวงการคลังได้
ด้านนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทวงการคลัง กล่าวว่า โครงการ “รวมแรงไทย รักษาน้ำใสทุกคูคลอง” เป็นหนึ่งในแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยหลังจากเปิดตัวกิจกรรมไปได้รับการตอบรับที่ดีจากภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเอกชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และภาคราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งขณะนี้มีบริษัทและหน่วยงานที่ได้ดำเนินการทำกิจกรรมแล้วทั้งสิ้น 50 บริษัท และยังมีผู้แสดงความจำนงเตรียมเข้าสนับสนุนโครงการอย่างต่อเนื่อง
ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า พร้อมให้การสนับสนุนการจัดกิจกรรมดังกล่าว และเชื่อว่าบริษัทเอกชนในตลาดหลักทรัพย์อีกหลายแห่งยินดีกับกิจกรรมเพื่อสังคมในรูปแบบนี้ เพราะนอกจากจะสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจภายใต้ธรรมาภิบาลแล้ว ยังเป็นกิจกรรมเพื่อส่วนรวมที่เห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจนโดยต้องยอมรับว่าปัญหาภัยพิบัติหากเกิดขึ้นได้สร้างผลกระทบให้กับทุกภาคส่วน ดังนั้น ณ วันนี้ทุกคนต้องช่วยกันอย่างเต็มกำลัง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
โทร. 02-273-9021 ต่อ 2204