สายการบินเอทิฮัด ประกาศผลประกอบการไตรมาสสาม เพิ่ม 19 เปอร์เซ็นต์ ทุบสถิติรายได้ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนผู้โดยสารเพิ่ม 23 เปอร์เซ็นต์

ข่าวท่องเที่ยว Wednesday October 10, 2012 18:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ต.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์ สายการบินเอทิฮัด ประกาศผลประกอบการไตรมาสสาม เพิ่ม 19 เปอร์เซ็นต์ทุบสถิติรายได้ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จำนวนผู้โดยสารเพิ่ม 23 เปอร์เซ็นต์ - สายการบินเอทิฮัด เชื่อมั่นปีนี้จะได้รับผลกำไร ทั้งๆที่ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจโลก - มุ่งมั่นที่จะให้บริการแก่ผู้โดยสาร 10 ล้านคนในปีพ.ศ. 2555 และทำสถิติในอัตราผู้โดยสารเฉลี่ย - รายได้ของพันธมิตรโค๊ดแชร์เติบโตร้อยละ 51 ทำผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา - รายได้จากแอร์เบอร์ลินในไตรมาสนี้ เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดทั้งปี - ในปีนี้ แอร์เซเชลส์ ตั้งเป้าให้อยู่ในจุดคุ้มทุน ซึ่งถือเป็นปีแรกของบริหารงานของสายการบินเอทิฮัด สายการบินเอทิฮัด สายการบินแห่งชาติของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกาศความสำเร็จของการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่สามของปี โดยผลประกอบการอยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีพ.ศ. 25554 (1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ถึงร้อยละ 19 โดยสถิติใหม่ของผลประกอบการนี้เป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 23 คิดเป็น 2.79 ล้านคน (ไตรมาสที่สามของ ปี2554: 2.27 ล้านคน) สำหรับอัตราจำนวนที่นั่งโดยสารอยู่ที่ร้อยละ 81.2 ซึ่งถือเป็นสถิติตัวเลขสูงสุดในแต่ละไตรมาสของสายการบินเอทิฮัด รวมถึงจำนวนตัวเลขผู้โดยสารที่กำลังจะผ่านหลัก 10 ล้านคนในปี พ.ศ. 2555 ด้านผลประกอบการที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความสำเร็จในด้านการเติบโตในความสามารถของสายการบิน และสายการบินเอทิฮัดยังคงเชื่อมั่นที่จะประสบผลกำไรเป็นปีที่สองติดต่อกัน สำหรับรายได้เที่ยวบินโดยสาร เป็นผลมาจากการทำโค๊ดแชร์กับสายการบินต่างๆ ตลอดจนรายได้ของบรรดาสายการบินที่ร่วมมือกับเรา จากเหตุผลที่ว่า จึงทำให้รายได้เที่ยวบินโดยสาร เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 51 คิดเป็น 182 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (121 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับสายการบินพันธมิตรทั้ง 38 สายการบิน ช่วยทำให้สายการบินเอทิฮัดมีเครือข่ายการบินครอบคลุมถึง 315 จุดหมายปลายทาง ถือว่ามากกว่าสายการบินในแถบตะวันออกกลางรายอื่นๆ โดยผลงานที่สำคัญนั้นได้มาจาก แอร์เบอร์ลิน ซึ่งสายการบินเอทิฮัด ถือหุ้นอยู่จำนวนร้อยละ 29.1 การใช้เที่ยวบินที่มีรหัสร่วมกันของทั้งสองสายการบิน ตลอดจนข้อตกลงร่วมกันทางด้านการตลาด มีผลให้จนถึงปัจจุบันได้มอบผลประกอบการให้แก่สายการบินเอทิฮัดไปแล้วกว่า 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าได้ผ่านเกณฑ์ที่ได้คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เริ่มปีจนถึงปัจจุบัน สายการบินเอทิฮัดและแอร์เบอร์ลินได้ร่วมกันมอบการบริการบนเครือข่ายการบินของตนเองให้แก่ผู้โดยสารไปแล้วมากกว่า 150,000 คน ซึ่งทั้งสองสายการบินยังได้ร่วมกันก่อตั้งมูลนิธิสำหรับการรวมกันทางต้นทุน ผ่านทางโปรแกรมบำรุงรักษาของทั้งสองสายการบิน ได้แก่ การรวมโปรแกรม 787 ดรีมไลน์เนอร์ และตัวแทนจำหน่ายระดับนานาชาติ ในส่วนของสายการบินแอร์เซเชลส์ ที่สายการบินเอทิฮัดถือหุ้นอยู่จำนวนร้อยละ 40 ยังคงมีผลประกอบการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและการทำโค๊ดแชร์ และด้วยจำนวน 4 เที่ยวบินที่ดำเนินการไปยังอาบูดาบี ได้มอบการเชื่อมต่อทั้งสิ้นราว 375 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทั้งนี้สายการบินแอร์เซเชลส์ ยังได้ลดค่าใช้จ่ายลง ด้วยการแบ่งปันขนาดการผลิต และการควบรวมสำนักงานกับสายการบินเอทิฮัดในอาบูดาบี สายการบินแอร์เซเชลส์ ยังคงอยู่บนเส้นทางที่จะให้จบปีพ.ศ. 2555 นี้อยู่ในจุดคุ้มทุน โดยปีนี้นับเป็นปีแรก ภายใต้สัญญา 5 ปีในการบริหารงานโดยสายการบินเอทิฮัด และนับเป็นนิมิตหมายอันดีต่อเศรษฐกิจของสายการบินแอร์เซเชลส์ ภายหลังจากสายการบินประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนักในหลายปีที่ผ่านมา สายการบินเวอร์จิ้น ออสเตรเลีย ที่สายการบินเอทิฮัดถือหุ้นอยู่จำนวนร้อยละ 10 ยังคนทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ที่ได้มอบรายได้จากการโค๊ดแชร์ให้กับสายการบินเอทิฮัดเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 มร. เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่สายการบินเอทิฮัด กล่าวว่า “สำหรับในช่วงไตรมาสที่สามของเรายังคงก้าวต่อไปข้างหน้า ด้วยตัวบ่งชี้ที่สำคัญได้แสดงศักยภาพที่ยอดเยี่ยม และเรายังคงเชื่อมั่นว่าเราสามารถจบปีนี้ได้ด้วยผลกำไร ซึ่งทุกอย่างตั้งอยู่บนพื้นฐานของภาวะตลาดในปัจจุบัน” “เรารู้สึกปราบปลื้มกับผลงานที่ยอดเยี่ยมของเหล่าบรรดาพันธมิตรโค๊ดแชร์และสายการบินที่เราได้ถือหุ้นอยู่ โดยส่วนประกอบในกลยุทธ์ของเรา คือ การได้รับผลประกอบการรายได้ที่เติบโตและเข้มแข็ง ที่จะมาช่วยเติมเต็มให้กับการเติบโตของเรา ซึ่งมีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักอยู่แล้ว” รายได้จากเหล่าบรรดาพันธมิตรโค๊ดแชร์ คิดเป็นร้อยละ 18 ของผลรวมรายได้เที่ยวบินโดยสารของสายการบินเอทิฮัดในไตรมาสนี้ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา สายการบินเอทิฮัด ได้ลงนามเซ็นสัญญาข้อตกลงการใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกันกับสายการบินแอร์ลินกัส สายการบินไชน่า อีสเทิร์นแอร์ไลน์ และราคแอร์เวย์ ซึ่งสืบเนื่องมาจากความต้องการในการขยายเครือข่ายการบิน นอกจากนี้สายการบินเอทิฮัด ยังคงมุ่งมั่นที่จะลดค่าใช้จ่ายของการดำเนินการลง ซึ่งต้นทุนจากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อกิโลเมตรในปีนี้ที่ไม่นับรวมกับเชื้อเพลิงนั้นมาอยู่ในจุดต่ำสุด โดยเปรียบเทียบวัดจากเกณฑ์มาตรฐานของที่ปรึกษาด้านการบินซีบูรี แสดงให้เห็นว่าสายการบินเอทิฮัด คือ สายการบินที่มีต้นทุนจากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อกิโลเมตรน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับสายการบินนานาชาติที่ให้บริการแบบครบวงจรรายอื่นๆ เชื้อเพลิงยังคงค่าใช้จ่ายที่ใหญ่ที่สุดในการทำธุรกิจ คิดเป็นร้อยละ 37 ของผลรวมค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ ทั้งนี้สายการบินเอทิฮัดมีเชื้อเพลิงสำรองคิดเป็นร้อยละ 80 ซึ่งถือเป็นราคาต่ำกว่าตลาดในปัจจุบัน ด้วยสถาบันการเงินระดับนานาชาติจำนวน 21 แห่ง ในส่วนที่เหลือของปีพ.ศ. 2555 นี้ สิ่งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการสำรองเชื้อเพลิง มร. เจมส์ โฮแกน กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรายังคงต้องเผชิญกับความยากในสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน อย่างต่อเนื่อง ราคาเชื้อเพลิงยังคงสูงและเศรษฐกิจทั่วโลกก็ยังประสบปัญหา โดยยูโรโซน ก็ยังคงประสบปัญหา และก็ยังมีตลาดในตะวันออกกลางอีกจำนวนเล็กน้อยที่ประสบปัญหาอยู่เช่นกัน” “อย่างไรก็ตาม ด้วยความกว้างขวางในส่วนของธุรกิจของเรา ได้ช่วยให้ผลกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในออสเตรเลียและตลาดหลักๆในทวีปเอเชียของเรามีการดำเนินการที่ยอดเยี่ยม โดยเส้นทางที่ดำเนินการไปยังประเทศจีนของเรา ได้แก่ ปักกิ่ง เซี้ยงไฮ้ และเฉิงตู ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่จะพัฒนาได้ ซึ่งจะได้รับอิทธิพลจากการเติบโตที่ยอดเยี่ยมในการเชื่อมต่อไปยังตลาดในแอฟริกา และเที่ยวบินที่ใช้รหัสร่วมกันของเรา” ในช่วงไตรมาสที่สามที่ผ่านมา สายการบินเอทิฮัด ได้เปิดการดำเนินการแบบเที่ยวบินประจำวันไปยัง เมืองลากอส และจะมีเส้นทางใหม่เปิดในเร็วๆนี้ ได้แก่ เมืองอาห์เมดาบัด (1 พฤศจิกายน) และ เมืองแอดดิส อบาบา (2 พฤศจิกายน) สำหรับในปีหน้า สายการบินฯจะมีการเปิดเส้นทางใหม่ไปยัง วอซิงตัน ดีซี เซาเปาโล และนครโฮจิมินห์ นอกเหนือจากการขายเครือข่ายการบิน ในอีก 3 เดือนข้างหน้าทางสายการบินฯ จะยังทำการรับมอบเครื่องบินใหม่ ประกอบด้วย เครื่องแอร์บัส เอ320 จำนวน 2 ลำ และเครื่องโบอิ้ง 777-300 อีอาร์ที่ประกอบด้วยสามระดับอีกจำนวน 1 ลำ และในปีพ.ศ. 2556 สายการบินฯมีกำหนดการรับมอบเครื่องบินใหม่อีก 14 ลำ ประกอบด้วย โบอิ้ง 777-300 อีอาร์ จำนวน 6 ลำ แอร์บัส เอ320/เอ321 จำนวน 5 ลำ และเครื่องบินสำหรับขนส่งสินค้าทางอากาศ โบอิ้ง 777 จำนวน 1 ลำ และแอร์บัส เอ330 อีก 1 ลำ สำหรับรายได้ในส่วนของคาร์โก้ ยอดเยี่ยมกว่าปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 คิดเป็นตัวเลข 181.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสายการบินได้ให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศด้วยเครื่องบินจำนวน 6 ลำ ใน 8 จุดหมายปลายทาง ประกอบด้วย อัมสเตอร์ดัม เบงกาซี ดูไบ ฮาห์น ฮ่องกง จิบูตี คาบูล และชาร์จาห์ นอกจากนี้จะมีการขยายเครือข่ายของสายการบินฯให้กว้างขึ้นอีกด้วย ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ทางสายการบินฯได้มีการเปิดตัวการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศไปยัง ดัมมัม และโดฮา และมีการเพิ่มการให้บริการไปยังลิเีบียและอิตาลี และทำการอัพเกรดไปยังฮ่องกง ในช่วงไตรมาสที่สาม เอทิฮัด คาร์โก้ ได้ทำการขนส่งสินค้าจำนวน 93,560 ตัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา (79,378 ตัน) ซึ่งได้เพิ่มทางเลือกในจุดหมายปลายทางต่างๆให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น เป็นผลมาจากการเปิดเส้นทางใหม่ๆของสายการบิน นอกจากนี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในจำนวนพนักงานสัญชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ได้ร่วมทำงานกับสายการบินเอทิฮัด ซึ่งมีพนักงานที่เป็นชาวอิมิราติกว่า 1000 คน ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา พนักงานที่มีสัญชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้กลายมาเป็นสัญชาติที่ใหญ่ที่สุดในสายการบินเอทิฮัด ขึ้นมาจากอันดับที่ 9 ในปีพ.ศ. 2551 ปัจจุบันพนักงานชาวอิมิราติ คิดเป็นร้อยละ 21 ของกลุ่มพนักงานทั้งหมด และนโยบาย Emiratisation ที่ได้เปิดตัวในปีพ.ศ. 2550 ได้เปิดโอกาสและทางเลือกให้กับชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประกอบด้วย โปรแกรมสำหรับนักบินฝึกหัด วิศวกรฝ่ายเทคนิค ผู้จัดการ พนักงานบริการลูกค้า และเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ ในปีพ.ศ. 2555 สายการบินเอทิฮัดได้ เปิดตัวโปรแกรมใหม่ 2 โปรแกรม เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการเข้ามาร่วมทำงานในระดับโลกกับทางสายการบินฯ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโปรแกรมด้านการขายและการปฏิบัติการสนามบิน ปัจจุบันโปรแกรม Emiratisation มีพนักงานฝึกงานมากกว่่า 570 คน ทำงานอยู่ในหลายๆส่วนของสายการบินฯ มร. โฮแกน กล่าวสรุป “รัฐบาลอาบูดาบี ได้ระบุว่า การท่องเที่ยวขึ้นหนึ่งในเจ็ดอย่าง ที่จะช่วยสร้างงานให้กับชาวอิมิราติในช่วงทศวรรษนี้ ในเอทิฮัด เรามีความภูมิใจที่ได้มีส่วนส่งมอบวิสัยทัศน์ดังกล่าว และสนับสนุนการทำงานของ Abu Dhabi Tawteen Council” ผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปีพ.ศ. 2555 ตัวบ่งชี้หลัก ไตรมาสสาม2555 ไตรมาสสาม2554 ส่วนต่าง รายได้เที่ยวบินโดยสาร US$937m US$833m 12% รายได้เที่ยวบินขนส่ง US$181m US$171m 6% รายได้รวม US$1,304m US$1,095m 19% ผู้โดยสาร 2.79m 2.27m 23% รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อกิโลเมตร 12.8b 10.6b 21% อัตราการเจริญเติบโตจากมาตราวัดจำนวนที่นั่งโดยสาร 15.8b 13.2b 20% อัตราผู้โดยสารเฉลี่ย 81.2% 80.8% 0.4 pts เครื่องบิน 67 63 4 เกี่ยว เกี่ยวกับสายการบินเอทิฮัด สายการบินเอทิฮัด เป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เริ่มให้บริการครั้งแรกในปีพ.ศ. 2546 และในปีพ.ศ. 2554 ได้ให้บริการแก่ผู้โดยสารถึง 8.3 ล้านคน จากฐานการบิน ณ สนามบินนานาชาติอาบูดาบี ปัจจุบันสายการบินเอทิฮัดให้บริการเที่ยวบินสำหรับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ 86 จุดหมายปลายทาง ครอบคลุมตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และอเมริกาเหนือ ด้วยเครื่องบินแอร์บัสและโบอิ้งจำนวน 67 ลำ และอีกกว่า 100 ลำอยู่ในขั้นตอนการสั่งซื้อ ประกอบไปด้วยเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดอย่างเครื่อง เอ380 จำนวน 10 ลำ ทั้งนี้สายการบินเอทิฮัดยังได้เข้าลงทุนในสายการบินแอร์เบอร์ลิน สายการบินแอร์ เซเชลส์ สายการบินเวอร์จิ้น ออสเตรเลีย และแอร์ ลินกัส ทั้งนี้สายการบินเอทิฮัดได้เริ่มดำเนินการในประเทศไทยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 และปัจจุบันได้ดำเนินการบนเส้นทางอาบูดาบี-กรุงเทพจำนวนสามเที่ยวบินต่อวัน โดยให้บริการด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 777-300อีอาร์ ท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสายการบินเอทิฮัดได้ที่ www.etihad.com และ www.etihadcargo.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ