ความเคลื่อนไหวของ “เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ ฮีโร่ประวัติศาสตร์เหรียญทอง 2004 เอเธนส์เกมส์

ข่าวทั่วไป Thursday October 11, 2012 14:25 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ต.ค.--นิวส์ เพอร์เฟค คอมมิวนิเคชั่น เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนง ฮีโร่ประวัติศาสตร์ 2 เหรียญในโอลิมปิกเกมส์ ติดใจ ขอขึ้นชกมวยไทยแบบจริงจังอีกครั้ง หลังมีผู้จัดรายใหญ่ ทาบให้ขึ้นชกกับนักมวย ต่างชาติ เป็นประจำทุกปี โดยที่ปีนี้จะเริ่มในเดือน ธ.ค. ขณะที่ เจ้าตัว เปิดใจที่ขึ้นชกมวยไทยอีกครั้งเพราะต้องการเดินตามรอย “พี่บาส” นักชกรุ่นพี่ที่โช์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม แต่การชกของตนคราวนี้จะไม่ใช่ชกโชว์แต่จะชกอย่างจริงจัง เป็นรายการหรือทัวร์นาเม้นท์ ซึ่งตอนนี้กำลังฟิตอย่างหนักเพื่อให้มีสภาพกลับมาเป็นเหมือนตอนที่คว้าเหรียญเอเธนส์เกมส์ ตั้งเป้าอยากเป็นครูมวยสมัครเล่นและครูมวยไทยในอนาคตเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ให้นักชกรุ่นน้อง และเผยแพร่ศิลปะแม่ไม้มวยไทย ความเคลื่อนไหวของ “เจ้าเติ้ล” มนัส บุญจำนงค์ ฮีโร่ประวัติศาสตร์เหรียญทอง 2004 เอเธนส์เกมส์ และเหรียญเงิน 2008 ปักกิ่งเกมส์ หลังจากขึ้นสังเวียนชิมลางชกมวยไทยเป็นครั้งแรกในชีวิตในการชกโชว์ที่บ้านเกิดจังหวัดราชบุรีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าตัวเริ่มติดใจหลังจากทิ้งประวัติศาสตร์ไว้กับมวยเสื้อกล้ามทีมชาติไทยกับ เหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย ด้วยการขึ้นชกมวยไทยอย่างจริงจัง ในปลายปีนี้ โดย “เจ้าเติ้ล” เปิดเผยว่า ตอนแรกตั้งใจที่จะขอขึ้นชกมวยสากลสมัครเล่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ ลอนดอนเกมส์ 2012 แต่เมื่อมาคิดดูแล้วต้องยอมรับว่าสภาพร่างกายไม่ไหวจริงๆ การก้าวขึ้นไปต่อยในพิกัดที่ใหญ่กว่าเดิมมากในรุ่น 75 กก. ถือเป็นงานที่ยาก จากพิกัดเดิม 64 กก. ตนรู้ตัวดีว่าอาจไม่ประสบความสำเร็จจึงขอถอนตัวเพราะไม่อยากไปชกแบบสภาพร่างกายไม่ไหวและไม่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ นั้นคือสาเหตุที่ตนไม่ชกตามที่นักชกรุ่นพี่อย่าง “สมรักษ์ คำสิงห์” ต้องการเพราะกลัวจะเปลืองงบประมาณของชาติโดยเปล่าประโยชน์แต่ไปแบบไม่มีลุ้น สุ้เอางบไปทุ่มให้กับนักชกคนอื่นที่มีความหวังหรือนักกีฬาประเภทอื่นน่าจะเหมาะสมกว่าตนจึงถอนตัว และต้องขอโทษ “พี่บาส” รุ่นพี่ที่ตนเคารพนับถือมาตลอดด้วยที่ทำให้ผิดหวัง จากนั้นจึงลองขึ้นชกมวยไทยตามที่ “เสธ.วีป” พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ อดีตนายกสมาคมที่เป็นผู้ปลุกปั้นตนจนประสบความสำเร็จ ในโอลิมปิกเกมส์ถึง 2 ครั้ง ที่อยากให้ตนลองเปลี่ยนภาพจากนักมวยสมัครเล่นมาชกมวยไทยบ้าง ฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ กล่าวอีกว่า หลังจากวันนั้นยอมรับว่าสู้สึกติดใจกับการต่อยมวยไทยที่ถือเป็นศิลปะแม่ไม้มวยไทยซึ่งถือเป็นศิลปะประจำชาติ และในฐานะที่ตนเป็นคนไทยก็คิดที่อยากจะเผยแผ่ศิลปะของไทยให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ จากนั้นจึงตั้งใจซ้อมมาตลอด และพยายามลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายกลับมามีกล้ามเนื้อและฟิตอีกครั้ง ยิ่งได้เห็น “พี่บาส” ชกในวันนั้นด้วยแล้วยอมรับทึ่งกับลีลาแม่ไม้มวยไทยจริงๆ ซึ่งการชกของตนไม่ใช่ต้องการเข้ามาชกมวยไทยแบบอาชีพอย่างจริงจังเหมือนในเวทีมาตรฐานเพียงแต่ตนมีความรักชื่นชอบในและประสบความสำเร็จในกีฬามวย ที่สำคัญได้รับการทาบทามจากผู้จัดรายใหญ่ที่อยากจะปั้นตนให้ชกเป็นรายการประจำทุกปี ตนจึงตัดสินใจเข้าร่วมชกมวยไทยในรายการใหญ่สุดปลายปีนี้อีกครั้ง ซึ่งการชกครั้งนี้จะไม่ใช่การชกโชว์เหมือนที่ผ่านมา แต่จะเป็นการชกจริงกับมวยต่างชาติ โดยตนตั้งเป้าว่าจะกลับมาสร้างชื่อเสียงในวงการมวยอีกครั้งเพราะในอนาคตตนต้องการเป็นโค้ชทั้งมวยสมัครเล่นและมวยไทยเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ที่มีอยู่ให้กับนักชกรุ่นน้องต่อไป โดยตอนนี้ตนอยู่ในช่วงการฟิตร่างกายอย่างจริงจังที่ค่ายเกียรติทวีสุข เขตดอนเมือง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ