กรุงเทพฯ--16 ก.ย.--วช.          สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  (วช.)  กำหนดจัดการสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัย  เรื่อง  “การพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไยเพื่อการส่งออก  ในเขตจังหวัดลำพูนและเชียงใหม่”  ในวันจันทร์ที่  20  กันยายน  2547  ณ  ห้องสันพระเนตร  โรงแรมโลตัส  ปางสวนแก้ว  จังหวัดเชียงใหม่  โดยมีนายจิรพันธ์   อรรถจินดา  เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนา  เวลา  09.00 น.          ลำไยเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ  โดยเฉพาะเกษตรกรในเขตภาคเหนือ  เนื่องจาก  ผลผลิตลำไยส่วนใหญ่มีแหล่งผลิตมาจากภาคเหนือของประเทศ  พื้นที่ปลูกที่สำคัญ  คือ  จังหวัดลำพูน  จังหวัดเชียงใหม่  และจังหวัดเชียงราย  ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 76.68 ของพื้นที่ปลูกลำไยทั้งหมดของประเทศ  ลำไยเป็นสินค้าทางการเกษตรที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมากในแต่ละปี  ซึ่งจากข้อมูลการส่งออกลำไยของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร  พบว่า  ในปี 2545  และปี 2546  ประเทศไทยมีการส่งออกลำไยไปต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าหลายล้านบาท  อย่างไรก็ตามในการผลิตและการจำหน่ายผลิตผลของเกษตรกรยังคงมีปัญหาต่างๆ  เกิดขึ้นทุกปี  ทั้งปัญหาด้านการผลิต  ด้านคุณภาพ  ด้านเงินทุน  ด้านการตลาด  และด้านการบริหารจัดการ  นโยบายและเชิงปฏิบัติการสำคัญที่ควรดำเนินการคือ  ควรมีการกำหนดขอบเขตพื้นที่ในการปลูกลำไยเพื่อการส่งออกและการแปรรูปอย่างชัดเจน  เพื่อควบคุมคุณภาพ  ปริมาณการผลิตในแต่ละปี  ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด การพัฒนาการแปรรูปที่นอกเหนือจากรูปแบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน  เพื่อเพิ่มความหลากหลายและเพิ่มช่องทางทางการตลาด  ควรมีการพัฒนาเครือข่ายเกษตรกร  โดยสร้างแกนนำในแต่ละกลุ่มให้มีการพัฒนาแนวความคิด  กระบวนการทำงาน  การบริหารจัดการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง  นอกจากนี้  ควรมีการพัฒนาสถาบันเกษตรกรผู้ปลูกลำไย โดยนำองค์กรภาครัฐที่ทำหน้าที่ในการให้บริการทางการศึกษาในด้านการเกษตรมารวมเป็นศูนย์กลาง  ฯลฯ  เป็นต้น            สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ  จึงได้ให้ทุนสนับสนุนการวิจัยแก่ นางสาวสุทธินี สุริยะกุล ณ อยุธยา  และคณะ  เพื่อทำการศึกษาถึงแนวทางในการพัฒนากลุ่มผู้ปลูกลำไยเพื่อการส่งออกให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพ และการบริหารจัดการการผลิตลำไยอย่างเป็นระบบ และได้กำหนดจัดการสัมมนาเพื่อเผยแพร่ผลการวิจัยดังกล่าวขึ้น  เพื่อนำเสนอแนวทางและข้อเสนอต่างๆ  ทั้งในเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการต่อกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกลำไย  รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น  เพื่อนำข้อเสนอแนะหรือผลจากการอภิปรายไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป  โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย  นักวิจัย  วิทยากร  ผู้ทรงคุณวุฒิ  ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ  ภาคเอกชน  ผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจ  จำนวนประมาณ  200  คน--จบ----อินโฟเควสท์ (นท)--