TK ไตรมาส 3 กำไร 200.9 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 9, 2012 09:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--9 พ.ย.--ฐิติกร - เชื่อมั่นสิ้นปีจะสามารถสร้างอัตราเติบโตที่ 15% - เตรียมพร้อมด้านเงินทุนเพื่อรองรับการเติบโต บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ซึ่งเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพมหานคร รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 2555 รายได้รวมเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 9.1% กำไรสุทธิ 200.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 11.3% นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ TK เปิดเผยว่าในส่วนของลูกหนี้เช่าซื้อสุทธิในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ TK อยู่ที่ 8,276.6 ล้านบาท เติบโต 9.2% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ 10% ดังนั้น คณะผู้บริหารจึงได้ปรับเป้าการเติบโตในปีนี้เป็น 15% “TK มีความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถสร้างอัตราเติบโตได้เพิ่มขึ้นเป็น 15% จากที่ตั้งเป้าเดิมไว้ 10% ทั้งนี้เพราะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปี ถือเป็นช่วงที่ตลาดรถมอเตอร์ไซค์คึกคักมาก และการเติบโตนี้จะยังคงจะต่อเนื่องไปถึงไตรมาสแรกของปีถัดไป ทำให้ TK เชื่อมั่นว่าเป้าหมายใหม่ 15% นี้ TK น่าจะทำได้อย่างแน่นอน หากผู้ผลิตรายใหญ่สามารถป้อนสินค้าในตลาดได้อย่างเพียงพอ” นางสาวปฐมากล่าว เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสนับสนุนให้การขยายตัวเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ TK ได้เตรียมเงินทุนที่เพียงพอโดยได้รับเงินกู้ดอกเบี้ยคงที่จากธนาคารชั้นนำในวงเงิน 300 ล้านบาท และล่าสุด TK ได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิอีก 300 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนการขยายเป้าหมายสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นจาก 10% มาเป็น 15% “ไม่เพียงแต่ตลาดกลับมาฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพแล้ว TK เองยังมีกิจกรรมฉลองครบรอบ 40 ปีของการดำเนินธุรกิจ โดยเราตั้งงบส่งเสริมการตลาดไว้ถึง 40 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้ร้านค้ารถจักรยานยนต์ส่งลูกค้าให้เราเพิ่มขึ้น ซึ่งกิจกรรมนี้มีส่วนต่อการเติบโตของเราด้วยแน่นอน” นางสาวปฐมากล่าว ทางด้านนายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ กล่าวถึงการตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาว่าตลาดมีการเจริญเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ อีกทั้งผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ทุกค่ายได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายรถจักรยานยนต์ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มียอดขายทั้งสิ้น 1.64 ล้านคัน และคาดว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้ น่าจะทะลุ 2.2 ล้านคัน อย่างแน่นอน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ