เอสเอสไอรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2555

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 14, 2012 18:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--สหวิริยาสตีลอินดัสตรี - ขาดทุนสุทธิ 4,782 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 5,022 ล้านบาท ในไตรมาส 2/55 - รายได้รวมของกลุ่ม 15,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาส2/55 สูงสุดในประวัติการณ์ - ยอดส่งเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนถึง 617 พันตัน สูงอันดับสอง - ยอดผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อนสูงสุด12,449 ตันต่อวัน เมื่อวันที่ 20 กันยายน - สัดส่วนขายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษร้อยละ 36% ของยอดขายรวม - ตามแผนที่จะบรรลุรายได้รวมสูงสุด 5.8 หมื่นล้านบาทปีนี้ - กำลังดำเนินแผนการจัดโครงสร้างทางการเงินแบบเบ็ดเสร็จและแผนเพิ่มทุน สร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาว - คาดการณ์ไตรมาส 4 ยอดขายสูงเหมือนเดิมและใช้กำลังการผลิตสูงขึ้นที่เอสเอสไอทีไซด์ นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ รายงานผลการดำเนินงานของเอสเอสไอไตรมาสที่ 3/55 มีผลขาดทุนสุทธิ 4,782 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 5,022 ล้านบาท ในไตรมาส 2/55 และขาดทุนสุทธิ 2,965 ล้านบาท ในไตรมาส 3/54 รายได้รวมของกลุ่ม 15,794 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากไตรมาส2/55 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนส่งสินค้าได้มากถึง 617 พันตันและสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มพิเศษ (Premium Value Products) ร้อยละ 36% ของยอดขายรวม ส่วนธุรกิจโรงถลุงเหล็กที่ประเทศอังกฤษใช้กำลังการผลิตที่ 69% ผลิตเหล็กแท่งแบนได้ 620 พันตัน และสร้างรายได้จากลูกค้าภายนอกเป็นมูลค่า 2,584 ล้านบาท นายวินกล่าวว่า “ไตรมาส 3ที่ผ่านมาเป็นช่วงภาวะตลาดที่ยากลำบากมากราคาเหล็กและวัตถุดิบลดลง อย่างหนักเนื่องจากความยืดเยื้อของปัญหากลุ่มประเทศอียูและการชะลอตัวการเติบโตของจีน ทำให้เรา มีส่วนต่างราคาสินค้าติดลบและขาดทุนสินค้าคงคลัง ในขณะที่ธุรกิจโรงถลุงเหล็กยังอยู่ในช่วงเริ่มผลิตและยังมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูง สองปัจจัยหลักนี้ทำให้เราขาดทุนหนักในไตรมาส 3” “อย่างไรก็ตามในไตรมาสเดียวกัน ธุรกิจเหล็กแผ่นรีดร้อนมีผลงานเยี่ยมมากในด้านการผลิตและขาย ถึงแม้ว่าปัญหาการทุ่มตลาดสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจือโบรอนและโครเมียมยังคงมีต่อเนื่อง เราสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ลดต้นทุนการผลิตลงจากผลผลิตที่สูง ส่วนหนึ่งเป็นอานิสงส์มาจากวัตถุดิบเหล็กแท่งแบนที่มีต่อเนื่องมาจากโรงงานเอสเอสไอทีไซด์ ดังนั้น ถึงแม้ว่าภาวะตลาดจะท้าทายมาก เราก็สามารถบรรลุเป้าหมายเชิงปฏิบัติการและผลประโยชน์ร่วมจากการเชื่อมโยงกับธุรกิจต้นนํ้าเริ่มเห็นผล ซึ่งจะส่งผลให้เราสามารถมุ่งไปสู่รายได้สูงสุด 5.8 หมื่นล้านตามแผน” นายวินเสริมว่า “ตามที่บริษัทได้ประกาศแผนการจัดโครงสร้างทางการเงินแบบเบ็ดเสร็จ (Comprehensive Financial Plan) เพื่อให้บริษัทฯและบริษัทย่อยมีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ซึ่งส่วนหนึ่งประกอบด้วยแผนการระดมทุนโดยขายหุ้นสามัญจำนวนประมาณ 19,000 หุ้นที่ราคา 0.68 บาทต่อหุ้น ให้แก่นักลงทุนเฉพาะเจาะจงและนักลงทุนทั่วไปนั้น เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน บริษัทพันธมิตรทางธุรกิจ 2 ราย ได้แก่ เจเอฟอี สตีลคอร์ปอเรชั่น และ มารูเบนิ อิโตชู สตีล ได้เข้าจองซื้อหุ้นจำนวน 2,267,816,176 หุ้น เป็นจำนวนเงิน 1,542 ล้านบาท” “บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนในส่วนอื่นและจะรายงานอีกครั้งเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น ทั้งนี้บริษัทขอขอบคุณคู่ค้าและผู้ถือหุ้นที่ให้ความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัท วิสัยทัศน์ทางธุรกิจ และคนของเรา การเพิ่มทุนครั้งนี้ทำให้เรามีความแข็งแกร่งทางการเงินกลับมา ต้นทุนทางการเงินลดลง เงินทุนหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับยอดขายที่กำลังเติบโต” สำหรับแนวโน้มอุตสาหกรรมเหล็กนั้น บริษัทคาดการณ์การบริโภคเหล็กแผ่นรีดร้อนในประเทศปีนี้เติบโต 9.2% ถึง 6.4 ล้านตันซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดในประวัติการณ์ และความต้องการใช้เหล็กทุกประเภทภายในประเทศที่ 16 ล้านตันซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเช่นเดียวกัน สืบเนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศที่เข้มแข็ง การลงทุนจากภาครัฐ การเติบโตของอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ พลังงาน และก่อสร้าง ในขณะที่ราคาเหล็กและวัตถุดิบได้ผ่านจุดตํ่าสุดในไตรมาส 3 และเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 โดยเฉพาะราคาแร่เหล็กได้ฟื้นตัวจากราคาประมาณ US$ 88 ต่อตัน CFR China ณจุดตํ่าสุดมาที่ประมาณ US$124 ต่อตัน CFR China เมื่อเร็วๆนี้ สำหรับการดำเนินงานในไตรมาส 4 บริษัทคาดการณ์ว่า ยอดขายเหล็กแผ่นรีดร้อนคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องและใช้กำลังการผลิตโรงถลุงเหล็กที่โรงงานเอสเอสไอทีไซด์สูงขึ้นที่ 80%
แท็ก เหล็ก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ