ไฟว์สตาร์ สัมภาษณ์ อรุณ ภาวิไล รับบทเป็นหมอขัน ในอุกกาบาต

ข่าวทั่วไป Friday October 1, 2004 14:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น
สัมภาษณ์ อรุณ ภาวิไล รับบทเป็นหมอขัน ในอุกกาบาต
- ส่วนมากภาพยนตร์ของคุณบัณฑิตมักจะเห็นพี่ตุ๋ยอยู่แทบจะทุกครั้งไป และสำหรับอุกกาบาตซึ่งเป็นงานอีกชิ้นหนึ่งคุณบัณฑิตต้องการจะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ พี่คิดว่ามันเหมือนหรือแตกต่างจากที่ผ่านๆมา มาก-น้อยแค่ไหน
ก็ 50%เห็นจะได้ นะสำหรับการร่วมงานกับอาบัณฑิต งานส่วนมากของอาบัณฑิตมักจะชอบทำงานพวกเรียลิสติก ทำงานที่ใกล้กับชีวิตของคน เช่นอาจจะเป็นพวคค้าขาย นักธุรกิจ คนรวย แต่พวกคนรวยอาจะมองน้อยมาก ส่วนใหญ่งานของอาก็จะออกมาเป็นชาวบ้าน แต่เรื่องอุกกาบาตจะกลายเป็นอภินิหาร มีเทคนิคพิเศษเยอะ แต่ก็ยังมีชาวบ้านอยู่ ยังเกี่ยวกับป่า เขา หมู่บ้าน ไปในแนวผจญภัยคล้ายพวกอินเดียนาโจน ซึ่งจะต้องเจอกับสิ่งมหัศจรรย์ เหนือธรรมชาติ
- นับว่าเป็นเรื่องแรกของคุณบัณฑิตด้วยใช้ไหม
น่าจะเรื่องแรกนะ ที่อาจะทำอะไรที่เป็นแบบนี้ แต่จริงๆ มันก็มีเรื่องสาบเสือที่ลำน้ำกษัตริย์อีกเรื่องนะที่อาทำ แต่เรื่องนั้นมันไม่ชัดเท่าเรื่องนี้ มันมีเมคนิคพิเศษยังไม่มากเท่าอุกกาบาต คือเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของความเชื่อว่ามันมีจริงที่เป็นไปได้ยากซึ่งก็ยังเข้าข่ายเรียลิสติกอยู่ แต่อุกกาบาตเป็นเรื่องที่อาบัณฑิตแต่งขึ้นเอง โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน ไม่มีวรรณกรรมใดยืนยัน แก่แต่งเองคิดเอง
- จากการร่วมงานกันมากับคุณบัณฑิตค่อนข้างมากพี่คิดว่าวิธีการทำงานของคุณบัณฑิตเปลี่ยนไปไหม
เปลี่ยนไปบ้างนะ เมื่อก่อนอาบัณฑิตจะไม่ยอมใคร แต่เรื่องนี้อาบัณฑิตยอมเยอะ แต่ว่าอารมณ์ร้อนยังคงเดิม คือมันมีเหตุนะเพราะเรื่องสุขภาพของอาบัณฑิต ตอนนั้นอาจะบาดเจ็บที่ขา และหมอก็สั่งห้ามเดินแต่ภาพยนตร์ก็ต้องปิดกล้อง กรทำงานต้องเดินหาต่อไป ในขณะที่ร่างกายของอาป่วย ฉะนั้นอาจะไม่เคลื่อนตัวออกจากมอนิเตอร์มากเท่าเก่า การทำงานของอาจึงเปลี่ยนไปและอาก็จะต้องไว้ใจผู้ช่วยมากๆ เพราะผู้ช่วยต้องเป็นคนที่ถ่ายทอดสิ่งที่อาต้องการได้อย่างชัดเจน ซึ่งผิดกับเมื่อก่อน อาบัณฑิตจะไม่เคย แต่จริงๆ ผู้ช่วยก็คือช่วยทำตามคำสั่งนะ ต้องสื่อสารให้ดีที่สุด และก็ช่วยพยายามเข้าใจแก่ ถ่ายทอดผิดก็จะโดนว่า นักแสดงก็ต้องมองทั้ง 2 ฝั่งว่าเอาไง แน่ใจหรือ แล้วนักแสดงก็จะวิ่งกันไปถามอาว่าจะยังไง แล้วก็เอาคำสั่งของผู้กำกับและผู้ช่วยมารวมกันทั้งเพื่อเป็นการเซฟว่าถ้าเกินอะไรขึ้นจะได้เช็คกันว่าใครพูดผิด คือมันต้องให้ชัดเจน
- ในเรื่องนี้รับบทเป็นหมอขัน อยากให้พูดถึงตัวละครตัวนี้ว่าเป็นยังไง
หมอขัน เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลโรคจิต เป็นพวกบ้าไสยศาสตร์ เชื่อว่าตัวเองมีวิชา แต่ตอนหลังไปๆ มาๆ ไอ้ความบ้าของเขากับกลายว่ามีจริง เกิดขึ้นจริง คือว่าที่คนอื่นเห็นว่าหมอขันบ้าไสยศาสตร์มีวิชาอาคม ท่องคาถาต่างๆ แล้วก็สรุปว่าหมอขันบ้า แต่จริงมันไม่ได้บ้าแต่เขาสามารถสัมผัสสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้จริงๆ แต่ไม่มีใครเข้าใจตัวหมอขัน ในเรื่องหมอขันจะสามารถรับรู้ว่าหมอโอมมีพลังจิต แต่เขาจะไม่เรียกว่าพลังจิต เขาจะบอกว่าหมอโอมมีองค์ เล่นของประมาณนั้นไปเลย
- ทำไม่พี่ตุ๋ยถึงสนใจหนังเรื่องอุกกาบาต
เพราะอาบัณฑิตทำเป็นอย่างแรกก่อน พี่จะชอบทำงานกับอานะ อาบัณฑิตเป็นคนแฟร์ เป็นฝรั่ง ทำงานด้วยแล้วสบายใจ อย่างที่สองสนใจตรงที่อาบัณฑิตเขามีความตั้งใจที่จะทำอะไรที่มันแตกต่าง อาตั้งใจที่จะทำงานให้มีคุณภาพคนทำงานด้วยก็มีความสุข แต่ปัญหาของอาบัณฑิตที่ผ่านมาที่ผลงานของอาไม่สามารถทำเงินได้ติดๆ กัน และงานชิ้นนี้อาตั้งใจมาก และไว้ใจเราให้มาร่วมงานด้วยผมก็รู้สึกเป็นเกียรติ
- มีฉากไหนที่หนักใจสำหรับพี่ตุ๋ย
ไม่มีเลย คือพี่ไม่ต้องขึ้นสลิง กระโดดไป-มา เลยไม่มีอันไหนยาก หรือหนักใจ อีกอย่างอาเขาเห็นว่าพี่แก่แล้วด้วยมั้ง ตรงไหนที่ต้องเล่นแรงๆ หรือโลดโผนก็จะหาสแตนอินให้ นอกจาเราทำได้ก็ไม่ต้อง
- คิดว่าหนังเรื่องนี้น่าที่จะให้อะไรกับคนดู
ให้ความบันเทิง ให้ศิลปะของความเป็นภาพยนตร์ และอาจจะให้ในส่วนที่เป็นแนวทางกับภาพยนตร์ไทยที่พยายามจะตามเทคนิคของฝรั่ง เพราะเรื่องนี้มีเทคนิคเยอะนะ และ จะเป็นบทพิสูจน์อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงความสามารถของคนไทยว่าทำได้ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้เหมือนหนังฝรั่งนะเพราะถ้าเทียบก็เงินของเรากับเงินของเขาค่าความต่างมีเยอะ บุคลากรก็ต่างกัน จะเอามือโปรจากนอกประเทศมาช่วยงบประมาณก็สูง ที่นี้งานทุกอย่างมันก็ตกอยู่ที่อาบัณฑิตที่ต้องคิดต้องทำอยู่คนเดียว ที่น่าสนใจอีกอย่างเรื่องนี้อาบัณฑิตและทีมงานทุกคนที่ความพยายามกันเต็มที่ และต้องบอกเลยว่ามีคนไทยน้อยคนนะที่จะกล้าทำเรื่องพวกนี้ มันตามฝรั่งยากนะจะให้ออกมาเหมือนกับฝรั่งเลย อยากให้ไปดูฝีมือของคนไทยนะ--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ