สสส.ชวนเยาวชนเล่นกีฬากับพี่ฮีโร่ทีมชาติใน“พี่สอนน้องชวนกันออกกำลังกาย”

ข่าวทั่วไป Tuesday December 25, 2012 17:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--เดอะบิ๊กพอตเตอร์ คอมมิวนิเคชั่น นับเป็นโครงการดีอีกโครงการสำหรับ “พี่สอนน้องชวนกันออกกำลังกาย” ที่มี 3 หุ้นส่วนสำคัญอย่าง สำนักงานกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร และ บริษัทสยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) จัดให้นักกีฬาทีมชาติ, อดีตโค้ชทีมชาติ มาสอนน้องๆ เยาวชนๆ อายุระหว่าง 10-15 ปีใน 5 ชนิดกีฬา ตลอดเดือนธันวาคม — กุมภาพันธ์ 2556 แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส ประธานกำกับทิศแผนส่งเสริมกิจกรรมทางการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องการส่งเสริมให้เยาวชนห่างไกลจากยาเสพติด และ เกมส์คอมพิวเตอร์ เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สามารถเสริมสร้างพัฒนาการทางกายและจิตให้สมวัย ซึ่งโครงการนี้ได้รับความสนใจจากเด็กๆน้องๆเยาวชนในเขตกรุงเทพและปริมลฑลด้วยดีตลอดระยะเวลาที่เริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2552 โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักกีฬาทีมชาติและอดีตโค้ชทีมชาติได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการต่อเนื่องเพราะเป็นโครงการที่เสริมสร้างขีดความสามารถด้านพัฒนาการกีฬาของเยาวชนอย่างแท้จริง “ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมืออย่างดีจากวิทยากรของโครงการ เพราะนักกีฬาและอดีตโค้ชใน 5 ชนิดกีฬาที่เราเลือกอบรมนั้นมองว่าเป็นโอกาสดี เนื่องจากในวัยเด็กของนักกีฬาและโค้ชเอง การเข้าถึงกีฬาที่ตัวเองรักตัวเองชอบนั้นน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เรียนรู้เทคนิคการเล่นกีฬากับฮีโร่ตัวจริงของพวกเขา ก็ยิ่งทำให้เขาได้รับแรงบันดาลใจในการฝึกซ้อมยิ่งขึ้น” สำหรับโครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากน้องเยาชนอย่างต่อเนื่องโดยในปีนี้ได้เริ่มเปิดอบรมมาตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา สนามแรกที่ศูนย์กีฬาวชิรเบญจทัศ สนามที่ 2 ศูนย์กีฬารามอินทรา สนามที่ 3 โรงเรียนทวีทวีธาภิเศก สนามที่ 4 ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ และสนามที่ 5 ศูนย์เยาวชนคลองเตย ใน 5 ชนิดกีฬา คือบาสเกตบอล ,ฟุตบอล,ฟุตซอล,วอลเล่ย์บอล และว่ายน้ำ โดยจะสิ้นสุดศูนย์สุดท้ายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2556 นี้ “โครงการนี้ สสส. มีจุดประสงค์มุ่งเน้นให้เด็กสนใจในกีฬา เพราะการเล่นกีฬาในเด็กเป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพทางกายดีแล้ว สุขภาพจิตจะดีตามไปด้วย ช่วยให้รู้จักเคารพในกติกาของกีฬาแต่ละอย่าง รู้แพ้รู้ชนะ มีน้ำใจนักกีฬา และมักจะไม่หันเหไปมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และจะเห็นได้ว่าปัญหาเด็กและเยาวชน แม้จะบอกว่าเป็นปัญหาเชิงพฤติกรรมที่ไม่สามารถใช้เงินเพียงอย่างเดียวในการแก้ไข แต่หากใช้ความเข้าใจว่าเด็กและเยาวชนเหล่านั้นคิดอะไร ต้องการอะไร รวมถึงต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นครอบครัว สถานศึกษา ภาครัฐโดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมไปถึงสื่อมวลชน ดังจะเห็นได้จากหลายๆ พื้นที่ ที่หากชุมชนเข้มแข็ง ปัญหาเยาวชนก็จะลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน” ประธานกำกับทิศทางแผนส่งเสริมกิจกรรมของสสส.กล่าวถึงจุดประสงค์ของโครงการ ส่วนคุณสมบัติของเยาวชนที่สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการนั้น ต้องเป็นเยาวชน ชาย-หญิงอายุระหว่าง 10-15 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล หรือใกล้เคียงกับศูนย์กีฬาที่จะเปิดให้การอบรม โดยโครงการจะดูแลเรื่องอาหาร ชุดที่ใช้ในการอบรมให้ทั้งหมด ความน่าสนใจสำหรับน้องๆ ทุกคนที่เข้ามาในโครงการนี้ อยู่ตรงที่ต่างมีความฝันอยากเก่ง หรือเล่นกีฬาโปรดของตัวเองให้เหมือนกับพี่ๆ นักกีฬาทีมชาติ ทำให้ความสัมฤทธิ์ผลของโครงการเป็นที่น่าพอใจตรงที่ความมุ่งมั่นของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการนั้นชัดเจนและมุมานะกว่าการสอนในรูปแบบอื่นๆ เท่าที่สสส.เคยทำโครงการมา เพราะแม้ต้องตื่นเช้ากว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน หรือต้องทำการบ้าน หน้าที่ความรับผิดชอบในครอบครัวให้เสร็จ เพื่อจัดสรรเวลาเข้าร่วมการอบรม น้องๆเยาวชนเหล่านี้ไม่ปริปากแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับวันนี้ที่การอบรมของสนาม 2 เดินมาถึงนาทีสุดท้ายที่อากาศค่อนข้างร้อนจัด แต่น้องๆ ทุกคนยังตั้งใจฝึกซ้อมรับความรู้จากพี่ๆ ทีมชาติอย่างเต็มที่ ซึ่งนำโดย “น้าแมว” คำรณ สำราญพันธ์ อดีตนักเตะทีมชาติไทย หัวหน้าคณะผู้ฝึกสอนกีฬาฟุตซอล ส่วนกีฬาบาสเกตบอลได้ อ.ต้องเกียรติ สิงหเสนี อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติไทย มาทำให้สีสันของการฝึกซ้อมบาสเกตบอลเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของเด็กอย่างเต็มที่ ตัวอย่างของ“น้องน้ำ” ด.ญ.ชลธิชา รอดอุไร อายุ 8 ปี สาวน้อยจากโรงเรียนบ้านคลองบัว เขตบางเขน ที่เข้าร่วมการฝึกซ้อมบาสเกตบอลกับโค้ชต้องเกียรติ สะท้อนว่า “รู้สึกดีใจมาก เพราะได้เพื่อนใหม่ๆที่ชอบเล่นบาสเกตบอลเหมือนกัน แม้หนูจะตัวเล็กกว่าเพื่อน แต่ก็มีโอกาสได้เข้ามาเรียนรู้กีฬาบาสเกตบอล รู้ทักษะเบื้องต้น รวมถึงความรู้เกี่ยวกับการป้องกันอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาและกายภาพแบบง่ายด้วย คิดว่าวันหนึ่งถ้าเรามุ่งมั่นฝึกซ้อมก็น่าจะมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นนักกีฬาทีมชาติได้ค่ะ” ส่วน“น้องเปรม” ด.ช.ศิวัช ไทยสิทธิ อายุ 15 ปี ที่มีความสูงถึง 180 ซม. ชื่นชอบในกีฬาฟุตซอล และเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูบอกว่า “การอบรมครั้งนี้ ทำให้ผมได้รู้เทคนิคที่นักกีฬาทีมชาติใช้กัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมาก โดยส่วนตัวแล้วใฝ่ฝันอยากก้าวไปเป็นนักกีฬาทีมชาติให้ได้ ที่สำคัญกีฬาช่วยเปลี่ยนนิสัยจากแต่ก่อนที่ผมติดเล่นเกมมาก เล่นจนไม่กินข้าว พ่อแม่จึงต้องพยายามผลักดันให้มาเล่นกีฬา จนเดี๋ยวนี้ตัวเองไม่ติดเกมและรักในการเล่นกีฬามากขึ้น อีกทั้งรู้วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเวลาได้รับบาดเจ็บด้วย” น่าชื่นใจแทนน้องๆเยาวชนในวันนี้จริงๆที่มีผู้ใหญ่ใจดีให้เรียนกีฬากับฮีโร่ตัวจริงของพวกเขาแบบไม่ต้องลงคอร์สเสียค่าใช้จ่าย และช่วยให้พวกเขาสามารถใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับการพัฒนาร่างกายและจิตใจ สำหรับน้องๆเยาวชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2508-8274

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ