กรุงเทพฯ--26 ต.ค.--สตาร์  มีเดีย  เอเจนซี แอนด์ คอนซัลแตนท์            DCON  ประกาศครองตลาดเป็นอันดับ 1  เดินหน้าขยายการผลิตเพิ่ม 40% เต็มกำลังการผลิต ทิ้งคู่แข่งลิบ หวังครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม ชูแผนงาน 2 โครงการหลักหวังดันยอดขายเพิ่ม  พร้อมยืนยันข่าวดีสำหรับนักลงทุนคาดว่าจะได้เงินปันผลในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ ดีเด พ.ย. ศกนี้แน่นอน          นายวิทวัส  พรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน)  ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแผ่นพื้นสำเร็จรูปและเสาเข็มคอนกรีตอัดแรงภายใต้เครื่องหมายการค้า “DCON” ปัจจุบันแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยถึงวิสัยทัศน์ การดำเนินงานว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ทำให้วงการอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เติบโตสูงขึ้น  ทำให้การดำเนินธุรกิจของ DCON ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาโดยตลอด ปัจจุบันจากผลประกอบการของ DCON มีรายได้หลักที่มาจากการขายแผ่นพื้นคอนกรีตและเสาเข็ม โดยในครึ่งปี 2547 บริษัทมีรายได้ 316 ล้านบาท  เมื่อเทียบกับครึ่งปี 2546 บริษัทมีรายได้ 168  ล้านบาท นับว่ามีอัตราเติบโตสูงถึง 88%  นอกจากนี้ในส่วนของกำไรนั้น ใน ครึ่งปี  2547  มีกำไร  79 ล้านบาท  เมื่อเทียบกับกำไรในครึ่งปี 2546 มีจำนวน 33 ล้านบาท  ซึ่งมีอัตราเติบโตกำไรสูงถึง  139%  นับเป็นความภูมิใจของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบในอุตสาหกรรมประเภทเดียวกัน คาดว่าสิ้นไตรมาส 3 จนถึงสิ้นปีนี้ ผลประกอบการน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย และหลังการประชุมกรรมการ 10 พ.ย. นี้บริษัทคงจะมีข่าวดีประกาศเงินปันผลอย่างเป็นทางการ  เงินปันผลน่าจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในระยะเวลาเดียวกันไม่น้อยกว่า 5-6 เท่า ซึ่งครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปันผลระหว่างกาล ในส่วนของสิทธิประโยชน์ทาง BOI เท่านั้น การปันผลปกติประจำปีคงต้องรอต้นปีหน้า เช่น บริษัทฯ อื่น ๆ           DCON  ประกอบธุรกิจได้รับผลกำไรสืบเนื่องมาจากชื่อเสียงของบริษัทที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดด้านแผ่นพื้นเป็นอันดับ 1 อีกทั้งคุณภาพสินค้ามีมาตรฐานได้รับการรับรองมาตรฐานสากล  ISO 9001:2000 จาก SGS ซึ่งนับว่ามีผู้ผลิตเสาเข็มน้อยรายที่ได้รับการรับรอง ตลอดจนผู้ผลิตแผ่นพื้นรายใหญ่ในภาคกลางมีเพียงบริษัทฯ รายเดียวที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล          จากการสอบถามข้อมูลของกลุ่มลูกค้าบ้านจัดสรรของบริษัทฯ นายวิทวัสฯ กล่าวว่า อัตราการเติบโตในปี 2546 ไม่สูงเหมือนปี 2545 จึงเกิดการชะลอตัวลงในอัตราเจริญเติบโตแต่ปริมาณการก่อสร้างไม่ได้ลดลง ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสาเหตุ 2 ประการ คือ ประการแรก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารปรับสูงขึ้น  และประการที่สอง หมดกำหนดช่วงเวลาลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ที่ทางรัฐบาลผ่อนผันไว้ ทำให้ประชาชนเกิดการชะลอการซื้อบ้านอาศัยลงบ้าง  อย่างไรก็ตามปัญหาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ  DCON แต่อย่างใด จะเห็นได้จาก DCON ได้ขยายตลาดมากขึ้นโดยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 40%  ในส่วนขายแผ่นพื้นสำเร็จรูป ซึ่งจะทำให้ยอดขายทิ้งห่างคู่แข่งอันดับสอง และทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในภาคกลาง ซึ่งปัจจุบันคลองตลาดอยู่ที่ประมาณ 35 %           ทั้งนี้บริษัทมีเป้าหมายด้านการผลิตในส่วนของแผ่นพื้นสำเร็จรูป ให้ได้ 270,000 ตารางเมตรต่อเดือน  ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 210,000-220,000  ตารางเมตรต่อเดือน นับตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้ DCON อยู่ระหว่างขยายการผลิตและติดตั้งเครื่องจักรให้เป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว ส่วนผลิตภัณฑ์เสาเข็มนั้นบริษัทยังเน้นผลิต 3 ขนาด ได้แก่ ไอ18 , ไอ22 และ ไอ26  โดยมีกำลังการผลิต 9 กิโลเมตรต่อวัน นับว่าเป็นการผลิตเสาเข็มบ้านพักอาศัยที่มีกำลังสูงสุดเช่นกัน           ปัจจุบัน บริษัทฯ นอกจากจะได้ขยายกำลังผลิตแผ่นพื้นแล้ว ยังได้ทำการวิจัยผลิตภัณฑ์วัตถุก่อสร้างตัวใหม่ที่นอกเหนือจากเสาเข็มและแผ่นพื้น และกำลังดำเนินการขยายงานด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโครงการ อรดา แฟคตอรี่แลนด์ โดยสร้างอาคารเพิ่มขึ้นเพื่อขายและให้เช่าส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งสำหรับสร้างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์โครงการบ้านอรดา เพื่อรองรับชุมชนโดยมีกลยุทธ์ชัดเจนที่จะจำหน่ายสินค้าที่มีจำนวนจำกัดในอาคารแต่ละประเภท บนที่ดินผืนขนาดเล็กไม่เกิน 33 ไร่ที่มีอยู่แล้วในต้นทุนต่ำ และมุ่งหวังให้จำหน่ายหมดในระยะเวลาอันสั้นประมาณกำไรไว้ 35-40% ของยอดขาย โดยดำเนินงานแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อจำกัดในเรื่องของความเสี่ยงต่าง ๆ              ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม          คุณวิชชุดา  ทองสุทธิ์ /  คุณอุบลราช  ชาตรี          โทร 02-9513531  /แฟกซ์  02-951-2822  มือถือ 09-776-0790--จบ--