สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 2, 2013 10:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,663 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,655 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 29.88 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,050 บาท กับ 24,150 บาท และกลับมาปิดที่ 24,050 บาท กับ 24,150 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาท อยู่ที่ 1,977 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,557 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 183 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น0.2 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 1.34 % และ Silver Futures ไม่เปลี่ยนแปลง GFG12 ปิด 24,280 บาท และ GFJ12 ปิด 24,480 บาท GF10G12 ปิดที่ 24,350 บาท GF10J12 ปิดที่ 24,440 บาท SVZ12 ปิดที่ 923 สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 19.9 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,675.8 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 25.2เซ็นต์ ที่ระดับ 30.22 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,350.82 ตัน (คงทองเท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิด เพิ่มขึ้น 1.02 เซนต์ ปิดที่ระดับ 91.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น166.03 จุด ปิดที่13,104.14 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 55.4 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ Kitco, TheBullionDesk, Reuters, Infoquest และ CNBC นายโอบามาออกมาแถลงการณ์ในวันที่ 31 ธ.ค. ว่า มีความคืบหน้าในการตกลงกัน ซึ่งข้อตกลงบางส่วนเกี่ยวกับภาษีจะถูกเร่งนำมาใช้เร็วๆ นี้ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ รวมไปถึงตลาดหุ้นสหรัฐ โดยกลุ่มผู้กำหนดนโยบายจำเป็นต้องตกลงกันให้ได้ภายในวันที่ 3 ม.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Fiscal Cliff เมื่อวานนี้ ทำเนียบขาวและสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐ ได้บรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) แล้ว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถชะลอการปรับลดการใช้จ่ายออกไปอีก 2 เดือน นอกจากนี้ นายแฮรี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ สังกัดพรรคเดโมแครท และนางแนนซี เพโลซี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ล่าสุดสภาพรรครีพับลิกันได้ออกมาแสดงความไม่พอใจว่า แม้การบรรลุข้อตกลงโดยวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวานนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกภาพของการป้องกันวิกฤตทางงบประมาณในการเพิ่มภาษีคนรวย แต่ยังคงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการตัดลดค่าใช้จ่าย สำนักงานงบประมาณ ของสภาคองเกรส (CBO) เปิดเผยว่า การที่วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง (fiscal cliff) นั้น จะทำให้รัฐบาลกลางมียอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกราว 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากร่างกฎหมายระบุให้มีการขยายระยะเวลาการใช้กฎหมายภาษีพิเศษสำหรับ ครัวเรือนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ที่บังคับใช้ตั้งแต่สมัยของอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช และนอกจากนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะป้องกันไม่ให้มีการปรับขึ้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคลที่มี รายได้ต่ำกว่า 400,000 ดอลลาร์ และครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 450,000 ดอลลาร์ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าหาก Fiscal Cliff ส่งผลกระทบอย่างเต็มที่ ก็อาจส่งผลทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐกลับเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่ในทางกลับกันก็มีแนวโน้มว่าเฟดจะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายการเงินต่อไป และอาจมีการเพิ่มขนาดการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนเพิ่มขึ้นด้วย นายเอล-เอเรียน CEO ของ Pimco กล่าวว่า พวกเราสามารถชะลอการตัดลดงบประมาณครั้งยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งบางคนคาดหวังสำหรับ “Grand Bargain” ที่จะเป็นการปฏิรูปการคลังในระยะกลาง ในขณะที่คนอื่นๆ มีความตั้งใจให้เกิดการตัดลดงบประมาณขนาดเล็ก “Mini Bargain” แต่ดูเหมือนว่าทางสภาคองเกรสกำลังจัดการกับข้อตกลงในรูปแบบ “Micro deal” แทน ที่จะเป็นการนำความเสี่ยงรุนแรงของ Fiscal Cliff บางประการกลับมา นายบิล กรอส จาก Pimco คาดการณ์ว่าคนว่างงานอาจจะมีการปรับตัวลดลงก่อนและจะเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า ซึ่งแนวโน้มเศรษฐกิจนี้อาจส่งผลให้รายได้และตลาดหุ้นกลับสู่ภาวะอ่อนแอ รวมทั้งอาจส่งผลกระทบให้ทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นได้ ทั้งนี้ 3 ประเด็นหลักที่ นายกรอส เขียนลงในทวิตเตอร์เมื่อเช้าวันอาทิตย์ คือ การคาดการณ์ความน่ากลัวในปี 2013 คือ 1) หุ้นและพันธบัตรจะปรับตัวลดลงต่ำกว่า 5%, 2) อัตราคนว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 7.5% หรือสูงกว่า และ 3) ทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น ข่าวอื่นๆ เกี่ยวกับทองคำ CME Group ได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ในการที่จะลด Initial Margin ในสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สลง 11% จากระดับ 7,425 เหรียญ ลงมาอยู่ที่ 6,600 เหรียญ ในสัญญาทองคำอ้างอิง 100 ออนซ์ ในขณะที่ Maintenance Margin จะลดลงเหลือ 6,000 เหรียญ จากระดับ 6,750 เหรียญ โดยจะมีผลหลังปิดตลาดในวันที่ 2 ม.ค. คือวันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนตลาดทองคำ ข้อมูลจาก CFTC ที่ประกาศเมื่อวันศุกร์ระบุสรุปรายงานสิ้นสุดวันที่ 24 ธ.ค. พบว่า นักลงทุนยังคงลดสถานะการลงทุนทองคำในทิศทางขาขึ้นลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 101,922 คู่สัญญา เกือบ 9% จากการรายงานครั้งก่อน ในทางเทคนิค นักวิเคราะห์จาก Kitco ระบุว่า ราคาสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 สัปดาห์เมื่อวันจันทร์ และกลับมายืนอยู่เหนือระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน อย่างไรก็ตามในระยะสั้นราคายังคงมีแนวโน้มเป็นขาลง ซึ่งเมื่อดูกราฟรายวันเส้นขาลงระดับ 2.5 เดือนยังคงเป็นตัวกดดัน โดยราคาต้องขึ้นไปยืนอยู่เหนือระดับแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาที่ 1,700 เหรียญให้ได้จึงจะมองว่าเป็นขาขึ้นต่อไป แต่หากปรับตัวหลุดแนวรับทางเทคนิคที่จุดต่ำสุดของเดือนธันวาคมบริเวณ 1,636 เหรียญก็จะเป็นแนวโน้มขาลงต่อ Thai News Agency (TNA) ได้รายงานได้วันนี้ว่า นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ประธานสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราคาทองคำของไทยอาจปรับตัวสูงขึ้น 10% ในปี 2013 จากระดับสูงสุดที่ราคาทองคำสหรัฐ 1,950 เหรียญ หรือ 27,000 บาทไทย อย่างไรก็ตาม ราคาอาจไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 33% เหมือนในปี 2010, 10% เหมือนในปี 2011 และ 5-8% เหมือนในปี 2012 โดยนักลงทุนยังคงมีความกังวลจากปัจจัยต่างๆ ที่มากดดันโดยเฉพาะจากภาวะ Fiscal Cliff และวิกฤตหนี้ยุโรป นอกจากนี้ราคาทองคำอาจมีความาผันผวนจากปริมาณความต้องการในจีนและอินเดีย ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนวันจันทร์ - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 49.5 คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 50.2 วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ราคาทองคำยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน ซึ่งหลังจากที่ทรงตัวบริเวณ 1,650 — 1,660 เหรียญได้ตลอด 1 สัปดาห์ และทองคำเริ่มตอบสนองต่อข่าว Fiscal Cliff ซึ่งดูว่าจะสามารถจบลงได้ ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้มายืนอยู่ที่ระดับ 1,675 เหรียญ ในเชิงเทคนิค ราคาทองคำดูจะเข้าสู่ภาวะหยุดตกและน่าจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยทองคำจะมีแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1,690 เหรียญ และ 1,700 เหรียญตามลำดับ ถ้าทองคำสามารถขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,700 เหรียญได้จึงจะเข้าสู่ภาวะขาขึ้นของทองคำได้อย่างยั่งยืน เช้านี้ค่าเงินบาทเองกลับแข็งค่าขึ้นอย่างมาก จากระดับปิดตลาดในช่วงก่อนปีใหม่อยู่ที่ระดับ 30.60 บาท/ดอลลาร์ ณ ขณะนี้มาอยู่ที่ 30.53 บาท/ดอลลาร์ คือแข็งค่าขึ้นประมาณ 7 สตางค์ ซึ่งคงจะเป็นตัวกดดันราคาทองคำในรูปของเงินบาทต่อไป สำหรับคำแนะนำในการลงทุนขณะนี้ของทองคำ MTS Gold เน้นย้ำการลงทุนแบบสั้น คือให้ลงทุนทำกำไรภายใน 3 วันเท่านั้น เพื่อที่จะลดภาวะความเสี่ยงของจากเเรงกดดันของค่าเงินบาทและความผันผวนของทองคำ จึงแนะนำให้เล่นสั้นทำกำไรเพียง 1 — 3 วันเท่านั้นเข้าออกให้เร็ว ซึ่งน่าจะเป็นกลยุทธ์ของปี 2556 ทองคำน่าจะสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ตามภาวะ Fiscal Cliff ซึ่งคาดว่าเงินดอลลาร์เองจะปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ จึงมองว่าในระยะมากกว่า 2 สัปดาห์ราคาทองคำน่าจะยืนอยู่เหนือระดับ 1,700 เหรียญได้ โดยในอีก 2 วันข้างหน้ามองว่าราคาทองคำน่าจะสามารถหยุดตกได้ Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,380 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,580 บาท Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,540 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,640 บาท Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 935 บาท และแนวต้านที่ระดับ 980 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบทิศทางขาขึ้นระหว่าง 1,660 — 1,685 เหรียญ ซึ่งน่าจะมีการแกว่งตัวของตลาด นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) หาจังหวะเข้าช้อนซื้อเพิ่มเมื่อราคาอ่อนตัว เก็งกำไรในภาวะไม่เกิน 5 — 7 วันทำการ เป็นการเล่นสั้นลงมาเช่นกัน นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง มองภาพระยะยาวเพียงแค่ 3 เดือน ทำกำไรเป็นช่วงๆ หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อน บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ