สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 4, 2013 10:32 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,687 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,680 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.36 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 24,200 บาท กับ 24,300 บาท และกลับมาปิดที่ 24,200 บาท กับ 24,300 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 2,037 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,870 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 1 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 2.4% แบบ 10 บาท ลดลง 3% และ Silver Futures ลดลง 18% GFG13 ปิด 24,440 บาท และ GFJ13 ปิด 24,550 บาท GF10G13 ปิดที่ 24,400 บาท GF10J13 ปิดที่ 24,560 บาท SVZ12 ปิดที่ 950 สัญญา Comex ปิดลดลง 14.2 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,674.6 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดลดลง28.7 เซ็นต์ ที่ระดับ 30.72 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,340.28ตัน (ขายออก 9 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิด ลดลง 0.20 เซนต์ ปิดที่ระดับ 92.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ลดลง 21.19 จุด ปิดที่13,391.36 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 54.5 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ Kitco, TheBullionDesk, Reuters, CNBC, MarketWatch, และBloomberg การรายงานผลการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดของเฟดที่ออกมาเมื่อคืนนี้ สมาชิกบางรายของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นว่า มาตรการผ่อนคลายการเงินในการเข้าซื้อพันธบัตรอาจชะลอตัวลงหรือสิ้นสุดลงภายในปีนี้ ซึ่งเป็นการสร้างผลกระทบอย่างหนักต่อทิศทางขาขึ้นของทองคำและช่วยกระตุ้นสกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 4 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม สมาชิกเกือบทั้งหมดของเฟดมีความเห็นว่า แผนการเข้าซื้อหลักทรัพย์ MBS มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนที่เริ่มต้นในเดือนกันยายนกำลังไปได้ด้วยดี แต่ยังคงมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับผลที่จะออกมาภายหลัง รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่อาจเพิ่มสูงขึ้นในขนาดของงบดุลบัญชีของเฟด ซึ่งในการประชุมเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเฟดได้มีการขยายการเพิ่มขนาดการเข้าซื้อพันธบัตรอีก 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน อย่างไรก็ตาม นายบิล กรอส จาก PIMCO กล่าวกับสำนักข่าว CNBC ว่า นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เป็นการสร้างความประหลาดใจเพียงเล็กน้อย โดยรายงานการประชุมของเฟดนั้นเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะมีสมาชิกบางกลุ่มต้องการล้มเลิกมาตรการ QE ในปีนี้ ในขณะที่อีกหลายคนต้องการให้มาตรการดังกล่าวมีมากกว่าเดิม ซึ่งนั่นหมายความว่าสมาชิกจำนวน 4-5 คนไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว นอกจากนี้ นายบิล กรอสยังกล่าวต่อรายการ “สตรีท ไซน์” ว่า นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด หรือแม้แต่นางเจนเน็ต เยลเล็น รองประธานเฟด และนายวิลเลี่ยม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ค ดูเหมือนจะไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงมาตรการใดๆ ในทันที ซึ่งเขาเองระบุว่า ในหมู่นักลงทุนอื่นๆ รวมถึง PIMCO คาดหวังให้เฟดมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายก็ต่อเมื่ออัตราการว่างงานมาอยู่ที่ระดับเป้าหมาย 6.5% และอัตราเงินเฟ้อมาอยู่ที่ 2.5% เท่านั้น สำหรับภาวะ Fiscal Cliff ของสหรัฐ ณ ขณะนี้ออกจากความสนใจของตลาดไปชั่วคราว โดยตลาดหันมาสนใจที่ประเด็นอื่น ซึ่งได้แก่การรายงานตัวเลขภาคการจ้างงานในวันศุกร์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาเมื่อวานนี้ขับเคลื่อนตลาดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ดูเหมือนว่าการประกาศตัวเลข Non-farm payrolls ในวันศุกร์จะมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาด ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 150,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม จากระดับ 146,000 ตำแหน่ง และมีการคาดการณ์อัตราการว่างงานอยู่ที่ 7.7% คงเดิมจากเดือนที่ผ่านมา เมื่อวานนี้นายโบห์นเนอร์ จากสภาผู้แทนราษฎรเอาชนะ นางแนนซี่ เปโลซี ผู้นำจากพรรคเดโมแครต ในการจัดตั้งสภาคองเกรสครั้งที่ 113 ด้วยคะแนนเสียง 220 ต่อ 192 ทั้งนี้นายโบห์นเนอร์ ให้กล่าวคำปฏิญาณในการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของเขาว่า จะทำให้ระดับหนี้สินของประเทศจำนวน 16 ล้านล้านดอลลาร์ลดลง มูดี้ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส กล่าวว่า แผนด้านงบประมาณที่ผ่านร่างกฎหมายโดยสภาคองเกรสไม่เพียงพอที่จะลดยอดขาดดุล ของสหรัฐในการที่จะหลีกเลี่ยงการถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือได้ นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า เขาวางแผนที่จะออกจากการราชการภายในสิ้นเดือนนี้ ก่อนที่จะมีการตกลงกันในเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐ แม้ว่าข้อตกลงในเรื่องการจำกัดหนี้จะไม่เข้าที่ก็ตาม ซึ่งการลาออกของนายไกธ์เนอร์ได้สร้างแรงกดดันต่อประธานาธิบดีบารัค โอบามา เนื่องจากนายไกธ์เนอร์เป็นเพียงสมาชิกเดิมคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ของทีมเศรษฐกิจของนายโอบามา และเป็นบุคคลสำคัญในเรื่องการจัดการด้านภาษีและจัดหารเงินช่วยเหลือทางการเงินในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2008 โดยนายไกธ์เนอร์ยังมีบทบาทในเรื่องการเจรจากับสภาคองเกรสในเรื่องข้อตกลงทางด้านงบประมาณและการพิจารณาในเรื่องเพดานหนี้ที่ผ่านมา ผลสำรวจจาก Bloomberg ระบุว่า มีนักวิเคราะห์จำนวน 20 รายที่เชื่อว่า ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นในสัปดาห์หน้า ในขณะที่นักวิเคราะห์จำนวน 5 รายเชื่อว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลง และอีก 2 รายเชื่อว่าราคาจะทรงตัว นอกจากนี้ เฮดจ์ฟันด์ต่างๆ ได้ลดการลงทุนในทิศทางขาขึ้นลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาทองคำปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 ซึ่งนักลงทุนต่างมีการถือครองทองคำในกองทุน ETPs เกือบถึงระดับสูงสุดที่ 2,632.5 ตันที่ทำไว้เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม และ ณ ขณะนี้กองทุน gold ETPs มีมูลค่าถึง 1.419 แสนล้านดอลลาร์ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - ADP Non-Farm Employment Change ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 118K คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 134K ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 215K - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 350K คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 356K ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 372K ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Non-Farm Employment Change ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 146K คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 150K - Unemployment Rate ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 7.7% คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 7.7% - ISM Non-Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 54.2 คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 54.7 - Factory Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.8% คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 0.3% - Crude Oil Inventories ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.6M คาดการณ์ออกมาที่ระดับ -0.7M วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ในช่วงตลาด COMEX โดยที่ในช่วงภาคบ่ายราคาก็ปรับลดลงจนหลุด 1,680 เหรียญลงมา โดยส่วนใหญ่เริ่มต้นจากข่าวของความไม่แน่นอนของ Fiscal Cliff ในการที่จะสามารถแก้ปัญหาระยะยาวได้ ทำให้มีการเทขายทองคำลงมาโดยตลอด จนราคาทองคำปรับตัวหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,675 เหรียญลงมาในช่วงประมาณเที่ยงคืน ซึ่งทำให้เกิดภาวะ Sell Stop ลงมาโดยตลอด จนกระทั่งในตลาดอิเล็กทรอนิกส์ราคาลงมาหยุดที่บริเวณ 1,660 เหรียญในช่วงประมาณ 6 โมงเช้า และยังเกิดแรงเทขายในตลาดเอเชียต่อเนื่องจนหลุดระดับ 1,660 เหรียญและลงมาทำจุดต่ำสุด ณ ขณะนี้บริเวณ 1,647 เหรียญ ทำให้โดยภาพรวมของราคาทองคำยังเป็นทิศทางขาลง จากเดิมที่ได้วิเคราะห์ว่า ราคาทองคำในระยะสั้นปรับตัวสูงขึ้นและสามารถจะผลักดันให้เป็นแนวโน้มขาขึ้นได้ โดยที่ MTS Gold ได้ย้ำเน้นว่าถ้าราคาทองคำยังไม่สามารถทะลุระดับ 1,700 เหรียญได้ แนวโน้มระยะกลางและยาวยังเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ตามภาพทางเทคนิค หมายความว่าการที่ราคากลับปรับตัวลดลงมาทำให้ราคาทองคำในแนวโน้มระยะสั้น กลางและยาว เป็นแนวโน้มขาลงโดยตลอด ในความเห็นของ MTS Gold คิดว่าราคาทองคำจะมีควมผันผวนค่อนข้างมากในขาลง มีโอกาสลงไปทดสอบจดุต่ำสุดเดือนธันวาคมที่ระดับ 1,635 เหรียญได้ จึงแนะนำนักลงทุนให้ลดพอร์ทสถานะ Long Positionลง หรือทำ Stop Loss ออกไปบางส่วน ดูลักษณะของทองคำเคลื่อนไหวไปตามข่าวค่อนข้างแรง และไม่ค่อยปรับตัวไปตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ก็ยังโฟกัสไปที่ข่าว Fiscal Cliff ที่ดูแล้วไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่นัก ส่วนเรื่องที่มีสมาชิกบางรายของเฟดออกมาพูดเมื่อคืนมีความเห็นคร่าวๆ ว่าน่าจะไม่ทำ QE ต่อในปี 2013 หมายความว่า เรื่องการเข้าซื้อพันธบัตรยังขัดกันอยู่กับ Balance Sheet ของอเมริกา ก็เป็นอีกตัวที่ทำให้ตลาดปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงขณะนี้ สรุปได้ว่า อยากให้นักลงทุนช่วยมองความจริงของสภาพตลาดที่เป็น มากกว่าที่จะมองภาพของข่าว Fiscal Cliff และตัวเลขเศรษฐกิจ ณ ขณะนี้ หมายความว่าตลาดมีการแกว่งตัวผันผวนอย่างมาก และมีแนวโน้มในเชิงเทคนิคเป็นแนวโน้มขาลง และการที่ราคาหลุดแนวรับอย่างง่ายดายเมื่อวานนี้ทีเดียวลงมาที่เก่าในช่วงปลายปีที่บริเวณ 1,650 เหรียญ ณ ขณะนี้ถือว่าเป็นสัญญาณไม่ดี และมองว่าเป็นทิศทางขาลงมากกว่า ฉะนั้นการที่นักวิเคราะห์มองว่า ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นนั้นเป็นเรื่องของภาพในระยะยาว ซึ่ง MTS Gold ได้เคยบอกไว้ว่าให้ปรับเปลี่ยนการลงทุนไม่เกิน 3 วัน ให้ทำกำไรระยะสั้นแบบเข้าเร็วออกเร็ว พูดง่ายๆ ว่า อยากจะเน้นให้ลูกค้าลด Position หรือเล่นในสถานะ Short Position ด้วยซ้ำ เพราะดูลักษณะของราคาทองคำนั้นเป็น Risky Asset ณ ขณะนี้ Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,000 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,200 บาท Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,140 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,340 บาท Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 880 บาท และแนวต้านที่ระดับ 930 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในทิศทางขาลง โดยมองว่าวันนี้โอกาสท่ราคาทองคำจะหลุดลงไปบริเวณ 1,635 เหรียญก็ยังมีอยู่ แนวต้านด้านบนวันนี้อยู่ที่บริเวณ 1,670 เหรียญ แนะนำให้เล่นเก็งกำไรสั้นๆ ในการแกว่งตัว ซื้อบริเวณแนวรับที่ 1,640 เหรียญเป็นแนวรับสั้นๆ และจึงขายทำกำไร แนะนำให้เก็งกำไรในทิศทางขาลงมากกว่า และให้เน้นทิศทางกราฟมากกว่าข่าว นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ขายลดพอร์ทลงเหลือ 0% หาจังหวะในการเล่นในทิศทางขาลง ทำ Stop Loss ออกไป นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ลดพอร์ทลงไปครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 20% หาจังหวะในการซื้อคืนเฉพาะเมื่อราค่าอ่อนตัว ทำกำไรในทิศทางขาลงเช่นเดียวกัน บริเวณ 1,635 เหรียญเป็นแนวรับของนักลงทุนระยะยาว ถ้าหลุดระดับดังกล่าวก็จะมีแนวรับที่ระดับ 1,600 เหรียญและ 1,580 เหรียญตามลำดับ ความเห็นจาก MTS Gold ต่อตลาดทองคำ ณ ขณะนี้ ในการเล่นทองคำตอนนี้แนะนำว่าต้องเข้าเร็วออกเร็ว เน้นในทิศทางขาลงมากกว่า ลดสถานะ Long Position และทำเป็นลักษณะของการลดพอร์ทและซื้อคืนเมื่อราคาอ่อนตัว ย้ำว่าไม่แนะนำให้ขยายพอร์ท ไม่แนะนำให้ซื้อเพิ่มหรือซื้อเฉลี่ย ทำกรอบเท่าเดิม เช่น มีอยู่ 10 สัญญา ให้ขาย 5 สัญญาและช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว หาจังหวะที่ราคาดีดตัวสูงขึ้นจึงขาย ซึ่ง MTS Gold เชื่อว่าราคาคงดีดไปไม่ได้ไกล โดยในการที่จะขายให้ดูที่บริเวณแนวรับแนวต้าน เช่น แนวต้านบริเวณ 1,660 เหรียญ อาจขายที่บริเวณ 1,650 เหรียญกว่าๆขึ้นไป หาจังหวะในการดูราคา ซึ่ง MTS Gold มองว่า มีโอกาสที่ราคาจะตกลึก และมีโอกาสสูงที่จะหลุดบริเวณ 1,635 เหรียญลงมาได้เหมือนกัน ยอมรับว่ามีความผันผวนมากของราคาขึ้นลงรุนแรง พอร์ทใหญ่ต้องดูตามแนวโน้มระยะยาว ถามว่าระยะยาวเป็นขาขึ้นใช่หรือไม่ เมื่อคืนหลังจากที่ดูกราฟรายสัปดาห์ทำท่าจะดันขึ้นก็กลับลงมาใหม่ ดูแล้วไม่ค่อยดีนัก มองว่าปีนี้ราคาทองคำอาจมีการปรับฐานต่อเนื่อง หรือในทางกลับกันก็คงจะต้องดูความชัดเจนในการทำ Budget Balance และทำ Debt Ceiling ในหลักการจริงๆ แล้วเชื่อทางเทคนิคมากกว่าไม่ว่าข่าวจะพูดพาไปทางใดก็ตาม หากภาพทางเทคนิคแย่ก็ต้องว่าไปตามแย่ บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ