รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังย้ำ mai ต้องแตกต่างจาก ตลาดหลักทรัพย์ฯ และแยกบอร์ดให้ชัดเจน

ข่าวทั่วไป Monday November 1, 2004 13:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ "แผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เพื่อสร้างผู้ประกอบการใหม่" ที่โรงแรมดุสิต รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี ในวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2547 ในช่วงบ่าย ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานการประชุม ได้มีการนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ใหม่ โดยนายวิเชฐ ตันติวานิช กรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ใหม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ควรมีคณะกรรมการที่เป็นคนรุ่นใหม่ แยกออกจากคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้มีความเข้าใจในธุรกิจยุคใหม่และการตัดสินใจที่รวดเร็ว โดยต้องเป็นคนรุ่นใหม่ และต่อไปนี้ ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ต้องแข่งกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และสร้างความแตกต่างให้ตลาดหลักทรัพย์ใหม่มีบุคลิกที่ชัดเจน ธุรกิจที่เข้าจดทะเบียนเป็นธุรกิจที่มีความคิดสร้างสรรค์ dynamic และมี knowledge based นอกจากนี้ต้องมีแรงจูงใจ โดยต้องคิดแพ็คเกจสำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน ให้ได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น SME Bank รวมทั้งต้องทำให้คนรู้จัก มีกิจกรรมสนับสนุน ซึ่งเชื่อว่าใน 2 ปี จะสามารถแข่งกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อย่างแน่นอน “ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ต้องดึงบริษัทที่มีศักยภาพเข้ามา ถึงแม้จะมีขนาดเล็กก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ต้องใช้เงินทุนสูง แต่มีไอเดีย เช่น บริษัทส่งออก รายได้สูง ต้องเข้าไปดึงมาจดทะเบียน และทำแพ็คเกจเสนอเป็นแรงจูงใจ นอกจากนี้ ต้องทำให้หน่วยงานอื่น ๆ มีความรู้สึกร่วมกันว่าการเปลี่ยนแปลงจะทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้น และเชื่อว่าถ้าตลาดหลักทรัพย์ใหม่แข็งแรงขึ้น ก็จะมีธุรกิจร่วมลงทุนมากขึ้น ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าทุกหน่วยงานจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าว นายวิเชฐ กล่าวว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ที่นำเสนอต่อที่ประชุมในครั้งนี้ ได้วางเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ 5 ปี ของตลาดหลักทรัพย์ใหม่ ให้เติบโตมีบริษัทเข้าจดทะเบียน 500 บริษัท สร้างตลาดหลักทรัพย์ใหม่ สร้างฐานนักลงทุนคุณภาพ และเร่งเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ มูลค่าตลาดรวม (Market Cap.) เพิ่มขึ้นรวม 250,000 ล้านบาท โดยจะมุ่งไปยังอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็น ยุทธศาสตร์ของประเทศ ได้แก่ 1) อาหาร 2) แฟชั่น 3) ยานยนต์และชิ้นส่วน 4) อุตสาหกรรมการผลิต 5) ภาคการท่องเที่ยว 6) Logistics 7) การค้าปลีกและค้าส่ง 8) บรรจุภัณฑ์ และขนส่ง 9) ไฮเทคโนโลยีและพลังงาน และ 10) ธุรกิจแฟรนไชส์ แ ละ OTOP ทั้งนี้ คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาของตลาดหลักทรัพย์ใหม่ประกอบด้วย ผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง รวมจำนวน 9 คน “นับจากนี้ไปตลาดหลักทรัพย์ใหม่จะแตกต่างจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างชัดเจน โดยจะเป็นตลาดหลักทรัพย์สำหรับกิจการใหม่ที่เริ่มก่อตั้ง แต่เป็นบริษัทที่มีศักยภาพที่จะเติบโตในอนาคต โดยจะเปิดโอกาสให้บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 20 ล้านบาทขึ้นไป และมีการดำเนินงานมาแล้ว 2 ปี เข้าจดทะเบียนได้และเปิดโอกาสให้บริษัทที่เพิ่งเริ่มดำเนินงานมาแล้ว 1 ปีแต่ยังไม่มีกำไรเข้าจดทะเบียนด้วย แต่ต้องมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาทซึ่งเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใหม่อยู่ระหว่างการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีผลใช้กับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในปี 2548 เป็นต้นไป”นายวิเชฐกล่าว สำหรับแผนงานที่จะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่ กลยุทธ์การสร้างผู้ประกอบการพันธุ์ mai โดยหา star ของอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเป็นตัวอย่างของความสำเร็จและดึงดูดให้บริษัทอื่นเข้ามาจดทะเบียน และเพิ่มจำนวนที่ปรึกษาการลงทุน และผู้สอบบัญชี นอกจากนี้ จะมีโครงการสร้างผู้ประกอบการพันธุ์ mai โดยจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ SME Bank ในขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ใหม่ จะเร่งทำความเข้าใจกับผู้ลงทุน และส่งเสริมการเข้ามาลงทุนทั้งของผู้ลงทุนบุคคลและผู้ลงทุนสถาบัน เพื่อส่งเสริมสภาพคล่องและความมีเสถียรภาพของตลาดหลักทรัพย์ใหม่ด้วย ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ใหม่จะมีการทำงานเชื่อมโยงกับเครือข่ายพันธมิตรอื่น ๆ เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กลุ่มสถาบันการเงิน กิจการร่วมลงทุน สมาคมนักบัญชีและผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศไทย และธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อส่งเสริมกิจการของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีคุณภาพ พร้อมเข้าสู่ตลาดทุน และสามารถต่อยอดขยายกิจการให้เจริญเติบโตเพื่อก้าวสู่เวทีโลกได้ในที่สุด--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ