สรุปราคาซื้อขายทองคำและ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 09.00 น.

ข่าวเศรษฐกิจ Friday January 11, 2013 10:08 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,658 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,678 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 30.26 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,850 บาท กับ 23,950 บาท และกลับมาปิดที่ 23,850 บาท กับ 23,950 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 2,274 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 5,574 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 50 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 0.04 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 1.7% และ Silver Futures เพิ่มขึ้น 13.5% GFG13 ปิด 24,220บาท และ GFJ13 ปิด 24,360 บาท GF10G13 ปิดที่ 24,220 บาท GF10J13 ปิดที่ 24,360 บาท SVG12 ไม่มีราคาปิด สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 22.5 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,678 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 66.9 เซ็นต์ ที่ระดับ 30.918 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,337.73ตัน (ขายออก 2.11ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิด เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ ปิดที่ระดับ 93.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 80.71 จุด ปิดที่ 13,471.22 จุด Ratio Gold / Silver เท่ากับ 54 ต่อ 1 ข่าวที่สำคัญ Kitto, CNBC, Reuters สัญญาทองคำในตลาด COMEX ปรับตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์ หลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจทางฝั่งสหรัฐ สภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นของจีน แรงซื้อขายของนักลงทุน การประชุมของอีซีบี ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงการแถลงการณ์จากประธานสมาชิกทั้งสองของเฟด ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในตลาดยุโรป จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่เป็นไปอย่างแข็งแกร่ง และการปรับเปลี่ยนการเชื่อมั่นของนักลงทุน การประกาศตัวเลขครั้งใหม่แสดงให้เห็นว่ามีคนขอเข้ารับสวัสดิการคนว่างเพิ่มขึ้น 4,000 คน ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ระดับ 371,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงที่สุดในรอบหนึ่งเดือน ยอดดุลการค้าของจีน (Trade Balance) ประจำเดือนธันวาคมเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.16 หมื่นล้านหยวน ซึ่งมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.01 หมื่นล้านหยวน นอกจากนี้ยังมากกว่าในเดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 1.96 หมื่นล้านหยวน ยอดการส่งออกของจีนปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 14.1% เมื่อเทียบกับปีแล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.9% จากที่มีการคาดการณ์ไว้ในระดับ 8.9% นอกจากนี้ยอดการนำเข้าของจีนก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนเช่นกัน ซึ่งจากเดิมนั้นอยู่ที่ระดับ 4.3% ในขณะที่ New loans ของจีนตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.54 แสนล้านหยวน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 5.5 แสนล้านหยวน จึงทำให้เกิดการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอีซีบีจะยังคงระดับอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุด 0.75% ถึงแม้ว่าจะมีมุมมองผสมกันไปว่าทางธนาคารกลางก็ควรทำการตัดลดอัตราดอกเบี้ยลงภายในปีนี้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงเป็นไปอย่างซบเซา อันเป็นผลมาจากวิกฤตหนี้สินของยูโรโซน หรือเพื่อเป็นการป้องกันราคาทองคำจากผลกระทบของสภาพเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้อีซีบีไม่ได้มีการประกาศใช้นโยบายทางการเงินเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายที่จะประเมินสภาพเศรษฐกิจและรอดูโอกาสที่เหมาะสมในการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ หลังจากที่สเปนมีการขายพันธบัตรในอัตราผลตอบแทนที่ปรับตัวลดลง โดยปิดตลาดได้สูงขึ้นที่ระดับ 1.3111 ยูโรต่อดอลลาร์ สเปนสามารถประมูลพันธบัตรได้ 5.8 พันล้านยูโร ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายในการประมูลวันแรกของปีนี้ โดยสเปนตั้งเป้าที่จะออกพันธบัตรเพิ่มขึ้นอีก 24% ในปีนี้ ลินน์ กรุ๊ป มองว่าราคาทองคำจะปรับตัวลงไปทดสอบจุดต่ำสุดของปี 2012 ที่ระดับประมาณ 1,500 เหรียญ แต่ภายหลังจะรีบาวน์ขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดในไตรมาสที่ 4 ที่ระดับ 1,800 เหรียญได้ในปีนี้ HSBC มองว่า เทศกาลแต่งงานของอินเดีย การปรับเพิ่มภาษีนำเข้าทองคำสู่ระดับ 6% จาก 4% จะเป็นตัวสนับสนุนทองคำ ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 367K(ปรับปรุงแล้ว) ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 361K ตัวเลขจริงอยู่ที่ระดับ 371 K ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ - Trade Balance ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 42.2B ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ -41.1B - Import Prices m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.9% ตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.1% วิเคราะห์ทางเทคนิค Gold — ข่าวที่สำคัญเมื่อวานนี้ที่ส่งผลดีต่อทองคำจะเป็นการประมูลพันธบัตรสเปน รวมไปถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีน จะเห็นได้ว่าตัวเลขคนว่างงานสหรัฐฯที่ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10,000 ตำแหน่งจากที่คาดก็มีผลบ้างเล็กน้อย ซึ่งจากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนปรับตัวดีขึ้นทำให้มองว่า เศรษฐกิจจีนน่าจะยังเคลื่อนตัวไปในทางที่ดี รวมทั้งความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจทางฝั่งยูโรโซนและการแก้ปัญหาวิกฤตหนี้ ทำให้การประมูลพันธบัตรของสเปนนั้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และอัตราผลตอบแทนก็ปรับตัวต่ำลง ทั้งสามตัวกดดันให้เงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร โดยค่าเงินยูโรเมื่อวานปรับขึ้นเหนือ 200 pips สำหรับทองคำก็ปรับตัวสูงขึ้นโดยเมื่อวานนี้จากระดับที่เปิดตลาดประมาณ 1,660 เหรียญ และปรับตัวขึ้นไปหลังจากที่ทะลุแนวต้านบริเวณ 1,665 เหรียญ ซึ่ง MTS Gold ได้แนะนำให้เป็นระดับ stop buying ในกรณีที่ทำ short ไว้เมื่อวาน สิ่งที่สำคัญคือค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก จากระดับเปิดตลาดตอนเช้าเมื่อวานที่ 30.40 บาท/ดอลลาร์ ลงมาเหลือประมาณ 30.30 บาท/ดอลลาร์ คือแข็งค่าขึ้นประมาณ 10 สตางค์ในช่วงบ่าย ส่วนในเช้านี้เงินบาทอยู่ที่ 30.26 บาท/ดอลลาร์โดยประมาณ จะเห็นได้ว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 15 สตางค์ สำหรับนักลงทุนที่ทำสถานะ short position ไว้เมื่อวานน่าจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรหรืออาจจะได้กำไรเพียงนิดหน่อยสำหรับคนที่ซื้อ ตามที่ MTS Gold ได้เน้นย้ำว่าให้มีการทำ stop เพราะการที่ได้แนะนำไปนั้น MTS Gold ใช้ level อิงกับค่าเงินดอลลาร์ เพราะเงินบาทไม่แน่นอน จะเห็นได้ว่าราคาทองคำสำหรับโกลดฟิวเจอร์สก็ยังขึ้นได้ต่อได้ไม่มากนักเมื่อเทียบราคาตอนเช้าและตอนกลางคืนปรับตัวขึ้นมาประมาณ 110 บาท ในขณะที่ราคาทองคำในรูปดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นมา 17.8 เหรียญ ซึ่งน่าจะสามารถปรับขึ้นได้ถึง 230 บาทด้วยซ้ำ คือผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สหายไป 120 บาทหรือประมาณครึ่งหนึ่ง ในเชิงเทคนิคกราฟราคาทองคำในระยะสั้นจนถึงราย 4 ชั่วโมงเริ่มเป็นสัญญาณการกลับตัวในทิศทางขาขึ้น ในขณะที่กราฟในระยะกลางราย 8 ชั่วโมงขึ้นไปจนถึงรายวันยังเป็นแนวโน้มขาลง กล่าวคือราคามาอยู่ใกล้เส้นค่าเฉลี่ยทั่วไปบริเวณ 1,692 เหรียญ ดังนั้นการที่จะให้ราคาทองคำกลับเป็นขาขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ต้องยืนเหนือ 1,695 เหรียญขึ้นไป หรือระดับ 1,700 เหรียญซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา สรุปได้ว่า MTS Gold แนะนำให้นักลงทุนเก็งกำไรในกรอบการแกว่งตัวของราคาและมีโอกาสที่จะปรับสูงขึ้นในระยะสั้น ราคาเป้าหมายในระยะสั้นคือ 1,680 เหรียญ จากที่อาจจะเริ่มทำกำไรโดยลงมาช้อนซื้อแล้วขึ้นไปขาย ภาพรวมน่าจะเป็นลักษณะ Sideway Up อย่างช้าๆ เพราะในลักษณะกราฟระยะสั้นกับระยะกลางยังสวนทางกันอยู่ Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,100 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,270 บาท Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 24,250 บาท และแนวต้านที่ระดับ 24,450 บาท Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 920 บาท และแนวต้านที่ระดับ 960 บาท คำแนะนำ สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade) เก็งกำไรในภาวะการแกว่งตัวในกรอบ 1,668 — 1,680 เหรียญ ยังแนะนำให้ขายเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นบริเวณแนวต้าน และซื้อกลับปิดสถานะ เล่นให้สั้น เพราะการเล่นในระยะสั้น 3 — 5 วันนักลงทุนจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรนัก นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade) ยังเป็นลักษณะของการซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวเท่านั้น และขายทำกำไรบริเวณแนวต้านในลักษณะของการซื้อในกรอบ Sideways นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง ยังรอช้อนซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เมื่อวานอาจจะซื้อเข้ามาบ้าง 5 — 10% สรุป ราคาทองคำในภาพรวมยังเป็นลักษณะ Sideways ซึ่งดูแล้วอาจจะปรับตัวสูงขึ้นได้บ้างจนกว่าราคาจะสามารถทะลุ 1,695 เหรียญ จึงจะเป็นขาขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ