กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ สร้างความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้ไม่น้อยเลย สำหรับน้อง ๆ หนู ๆ ในโครงการแฟนต้ายุวทูต ที่ถือโอกาส ครบรอบ 20 ปี ออนทัวร์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมครั้งยิ่งใหญ่ ที่รวบรวมบรรดาน้องพี่แฟนต้ายุวทูตอายุระหว่าง 9-18 ปี ร่วม 40 ชีวิตมาแสดงความสามารถแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ในโครงการค่ายรวมรุ่นฉลองครบรอบ 20 ปี แฟนต้ายุวทูต ณ จังหวัดเชียงรายและประเทศสหภาพพม่า ในช่วงที่ผ่านมา นิตยา ชวนะสุนทร ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมเยาวชน บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด ผู้รับผิดชอบโครงการกล่าวว่า “โครงการแฟนต้ายุวทูต เป็นโครงการที่จัดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อมีส่วนร่วมกับสังคม เป็นกิจกรรมที่สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้พัฒนาทั้งทางร่างกาย จิตใจ บุคลิกภาพ และสติปัญญา รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์ ในการแสดงและอนุรักษ์ความเป็นไทย เผยแพร่ศิลปะไทย และในโอกาสฉลองครบรอบ 20 ปี โครงการ แฟนต้ายุวทูต จึงได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายรวมรุ่น เพื่อให้ทุกรุ่นได้มีโอกาสพบปะสังสรรค์ เสมือนเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น พี่ได้รู้จักน้อง แลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น ทัศนคติ และยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ณ ประเทศสหภาพพม่า เพื่อเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของโครงการและประเทศไทย” เนื่องจากปีนี้เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ไฮไลท์พิเศษของทัวร์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในครั้งนี้จึงอยู่ที่ การได้ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ณ โรงเรียนใหญ่ท่าขี้เหล็ก จังหวัดท่าขี้เหล็ก ซึ่งถือว่าเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด ที่นั่นมีนักเรียนถึง 3,500 คน ใช้ภาษาพม่าเป็นภาษากลางในการสื่อสาร แต่ก็มีนักเรียนบางคนพูดภาษาไทยได้บ้าง ย่างก้าวแรกที่เหยียบลงบนแผ่นดินพม่าก็สร้างความประทับใจแล้ว คณะครูอาจารย์ นำทีมโดย U Tu Maung ผู้อำนวยการโรงเรียน และนักเรียนโรงเรียนใหญ่ท่าขี้เหล็ก ตั้งแถวรอรับโบกธงไทย — พม่า ตั้งแต่หน้าโรงเรียนจนถึงหอประชุมสถานที่จัดงาน แสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับแขกบ้านแขกเมืองที่มาเยือน กระบวนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเริ่มต้นที่การแสดงของนักเรียนชาวพม่า ในชุด ฟ้อนรำสามัคคีชนเผ่าเมียร์ม่า “ซีโลเซน” เป็นการนำชนเผ่าต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพม่าออกมาแสดงศิลปะของตนเอง , การแสดงศิลปวัฒนธรรมเมียนมาร์ การฟ้อนนก ชุด ซ้านด้าเกร่งกรี เป็นการแสดงละครประกอบเพลง , การแสดงสมัยพุกาม ชื่อชุด นวยซุตุ่เปี่ยง ที่อลังการงดงาม , การแสดงศิลปะวัฒนธรรม ชุด ฉ่วยโอสี่ ความน่ารักน่าเอนดู ถูกแสดงในรูปตลกน่ารัก ฯลฯ และต่อด้วยการแสดงของแฟนต้ายุวทูต สลับกันไป เรียกได้ว่าพี่ไทยก็ไม่น้อยหน้า ขนรำกล้องสะบัดชัย ขึ้นโชว์เอกลักษณ์ หรือจะเป็น รำเถิดเทิง , การแสดงภูมิปัญญาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการแสดงความสามารถด้านการนำเครื่องดนตรีต่างชนิด มาเล่นผสมกัน เป็นต้น นำขึ้นมาแสดงสลับกันไปกับการแสดงของนักเรียนพม่า ทำให้เสียงปรบมือดังก้องไม่ขาดสาย พร้อมกับรอยยิ้ม เมื่อสิ้นการแสดง จากนั้นเจ้าบ้านเชื้อเชิญให้รับประทานอาหารร่วมกัน ซึ่งเป็นอาหารที่คนไทยรู้จักดี อาทิ แกงส้ม และยำวุ้นเส้น แต่มีรสชาติสไตล์พม่า น้อง ๆ แฟนต้าฯบอกต่อว่าอร่อยไปอีกแบบ น้อง ๆ แฟนต้าฯ ทุกคนมีเพื่อนใหม่ แม้จะคุยกันด้วยภาษามือและรอยยิ้ม แต่มิตรภาพ ดี ๆ ก็เกิดขึ้นได้ ทุกที่ นอกจากจะได้มาเผยแพร่วัฒนธรรมในพม่าแล้ว น้อง ๆ แฟนต้ายุวทูต ยังได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม กับนักเรียนชาวเขา ที่โรงเรียนบ้านรวมมิตร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นนักเรียนชาวเขา ซึ่งมี 6 เผ่า อาทิ กระเหรี่ยง, ม้ง, อาข่า (อีก้อ) , ลาฮู่ (มูเซอ), ไทยใหญ่ (ชาวพม่าที่อพยพเข้ามา),และ คนเมือง ใช้ภาษาไทยเป็นภาษากลาง แต่ก็ยังมีการพูดภาษาประจำเผ่ากันบ้าง ภารกิจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเริ่มต้นด้วย การบรรเลงเพลงพื้นถิ่นของชาวเขา เพื่อเป็นการต้อนรับ จากนั้นจึงเป็นการแสดงของน้อง ๆ แฟนต้าฯ สลับกับการแสดงของนักเรียนชาวเขา นอกจากนี้ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับโครงการผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลช้าง ที่ทางโรงเรียนเป็นผู้จัดทำ เนื่องจากในหมู่บ้านมีช้างอยู่เป็นจำนวนหลายเชือก ในระหว่างทัวร์น้อง ๆ แฟนต้ายุวทูตยังได้ไปศึกษาหาความรู้ที่พิพิธภัณฑ์วิถีชีวิตแห่งอาข่า ที่หมู่บ้านดอยสะโง้ ตำบลศรีดอนมูล อำเภอเชียงแสน จังหวัด เชียงราย และยังเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสบาย ๆ กลิ่นอายของธรรมชาติที่ยังสด หายใจได้เต็มปอดไปพร้อมกับการฝึกฝีไม้ลายมือในบทบาทของจิตรกรน้อย กับคุณครู ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ ที่ศูนย์ศิลปะศิลปินอ้วน หอบหิ้วเอาผลงานและความรู้กลับมาด้วยความสนุกสนาน การหาความรู้ไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ เริ่มออกเดินทางกันต่อไปยัง หอฝิ่น ณ อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ที่นี่มีความรู้ ความเป็นมา ประโยชน์ และโทษของยาเสพติด ที่ชื่อ “ฝิ่น” สมุดปากกา ของคู่กาย และเสียงของเด็กตัวน้อย กับคำถามแบบอยากรู้อยากเห็น ทุกคนเก็บเกี่ยวเอาความรู้กันอย่างเต็มที่ บนเส้นทางของทูตวัฒนธรรมตัวน้อยกับภารกิจเผยแพร่วัฒนธรรมนั้น ไม่เคยหยุดนิ่งเลย เพราะทุกที่ ที่เยาวชนแฟนต้ายุวทูตไปเยือน มีแต่รอยยิ้ม มิตรภาพ ความประทับใจ และยังได้เผยแพร่ วัฒนธรรมไทย ตราบจนวันนี้ 20 ปี แล้ว ทุกคนยังคงทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุด รวมพลังแฟนต้ายุวทูต ในโครงการค่ายรวมรุ่นฉลองครบรอบ 20 ปี กับนานาทัศนะของแฟนต้ายุวทูตทุกรุ่น เริ่มด้วยรุ่นเล็กรุ่นล่าสุด เด็กชายฐปนัท พลับประสิทธิ์ หรือน้องยีน อายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ที่โรงเรียนพญาไท น้องยีนเป็นแฟนต้ายุวทูตปี 2545 ด้วยความสามารถของการรำ จึงก้าวเข้ามาเป็นแฟนต้ายุวทูต ความสามารถพิเศษของน้องยีนนอกจากการรำแล้ว น้องยีนยังร้องเพลงได้เพราะเกินความสามารถของเด็กอายุ 9 ขวบ ด้วยเพลง Love me tender , เพลงผู้ชนะสิบทิศ เป็นต้น น้องยีนเล่าถึงประสบการณ์ในการเป็นแฟนต้ายุวทูตและการได้ไปเผยแพร่วัฒนธรรมที่ต่างประเทศว่า การเป็นแฟนต้ายุวทูตทำให้กล้าแสดงออก สนุก ได้เพื่อน เด็กหญิงนิษฐฎา ง่วนสำอางค์ หรือน้องแบม อายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ที่โรงเรียนอุดมวิทยา เป็นแฟนต้ายุวทูตปี 2545 สาวน้อยที่มาจากนครปฐมกับเสียงร้องอันไพเราะและความสามารถด้านการรำศรีนวล น้องแบมบอกว่ารู้สึกภูมิใจกับการได้เป็นแฟนต้ายุวทูต เพราะประสบการณ์ที่ได้รับทำให้เอาไปใช้พัฒนาตัวเอง การมาเข้าค่ายครั้งนี้ รู้สึกว่าเป็น กิจกรรมที่สนุก ได้รู้จักพี่ ๆ และยังได้ร้องเพลงให้ทุกคนฟังด้วยค่ะ เด็กหญิงฟองฟ้า ทองสมัคร์ อายุ 10 ขวบ เรียนที่ โรงเรียนศรีธรรมราชศึกษา น้องฟองฟ้าเป็นแฟนต้ายุวทูตปี 2545 ด้วยความสามารถในการรำรองเง็ง ไม่เพียงเท่านี้ ตอนนี้เธอยังมีกิจกรรมพิเศษที่สนุกอย่าง การตีกอล์ฟ และสีไวโอลีน เธอเล่าว่าประสบการณ์ที่ได้รับจากการเป็นแฟนต้ายุวทูต ทำให้มีความมั่นใจ เด็กหญิงโศภิษฐา มีนมณี หรือน้องติ๊บ อายุ 11 ขวบ มาจากโรงเรียนเพ็ญสมิทธ์ กับความสามารถพิเศษในการรำสุโขทัย ซึ่งปัจจุบันก็ยังสนุกกับกิจกรรมรำ, ร้องเพลง, เล่นดนตรีไทย อาทิ ขิม น้องติ๊บเป็นคนหนึ่งที่ภูมิใจการการได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนต้ายุวทูต นั่นเพราะเธอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนที่จะเป็นได้กันง่าย ๆ ต้องผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มข้น แต่เมื่อได้เป็นแล้ว ก็ภูมิใจ ได้ทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่สำคัญทำให้เราได้อนุรักษ์วัฒนธรรมของเราด้วย เด็กชายธีระวัฒน์ วงษ์กาฬสินธุ์ หรือน้องบอย อายุ 11 ปี เรียนอยู่ที่โรงเรียนเชิงชุมราษฎร์นุกูล หนุ่มน้อยเมืองสกล ที่หอบเอาการแสดงภูมิปัญญาพื้นบ้านภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาโชว์ในการเข้าค่ายครั้งนี้ เล่าถึงครั้งหนึ่งในชีวิตของการเป็นแฟนต้ายุวทูตว่า ตอนนั้นรู้แต่ว่ามีอะไรสนุก ๆ มากมาย ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปโชว์การแสดงให้เขาดู และครั้งนั้นก็ทำให้รู้ว่า ตรงไหนที่เราผิดพลาด เราก็จะเอามาซ้อมใหม่ ขยันซ้อม เมื่อมีโอกาสได้แสดงอีกครั้ง โครงการนี้ทำให้ผมมีประสบการณ์ชีวิตที่ดีมากเลยครับโดยเฉพาะในการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ผมได้เพื่อนเป็นชาวเขาด้วย แลกของที่ระลึกกัน ผมว่าเขาจริงใจดี เด็กหญิงน้ำภูฟ้า เพชรแก้ว หรือน้องข่าว อายุ 13 ปี จากโรงเรียน วารีเชียงใหม่ สาวน้อยรูปร่างสูงเพรียวคนนี้ เผยถึงประสบการณ์ในการเป็นแฟนต้ายุวทูตว่าเราได้ไปเผยแพร่วัฒนธรรมทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้เราจะอยู่คนละประเทศ ต่างวัฒนธรรมแต่เราก็เป็นเพื่อนกัน โครงการนี้ทำให้เราแสดงความสามารถในทางที่ถูกต้องและยังได้ฝึกตนเองเมื่อต้องอยู่ร่วมกับคนในสังคม ปีนี้ก็ครบรอบ 20 ปี แฟนต้ายุวทูต การได้มาเข้าค่ายรวมรุ่นก็ทำให้เราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เพื่อน ๆ หลายคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทุกคนสนุกสนาน อบอุ่นดี เด็กชายบดินทร์ ยืนชนม์ น้องเอ อายุ 14 ปี จากโรงเรียนอัสสัมชัญ ระยอง มีความสามารถในการเชิดหนังใหญ่ ปัจจุบันรับบทบาทเป็นดีเจและประชาสัมพันธ์โรงเรียน กล่าวถึงการเข้าค่ายรวมรุ่นครั้งนี้ว่าเหมือนเราได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีหลายรุ่นหลายคน จึงเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น ครั้งหนึ่งที่ผมได้เป็นตัวแทนในนามแฟนต้ายุวทูต ไปเผยแพร่วัฒนธรรมผมภูมิใจที่ได้เอาศิลปะพื้นบ้านของเราไปแสดงให้เขาดู ก็คิดดูทีเขายังเอาแร๊บ เอาอะไรตั้งมากมายมาเผยแพร่บ้านเราได้ แล้วทำไมเราจะเอาศิลปะของเราไปเผยแพร่ให้เขาดูไม่ได้หละ ถ้าพูดถึงโครงการนี้ทำให้เด็ก ทุกคนไปถึงจุดหมาย กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ปีนี้ครบรอบ 20 ปี แฟนต้ายุวทูตกับกิจกรรมที่ทำให้พวกเรามาอยู่ร่วมกัน ประทับใจความรัก การดูแลห่วงใยต่าง ๆ ตลอด ทริป ทุกกิจกรรมที่ได้ร่วมมีแต่ความสนุกสนานและภาคภูมิใจ นางสาวบุษบงกช กิจพาณิชย์ (น้องกร) อายุ 16 ปี จากโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย กลับมาเข้าค่ายร่วมกับน้อง ๆ ครั้งนี้ ทำให้เธอได้ย้อนนึกถึงอดีตที่เธอเคยเป็นแฟนต้ายุวทูต ไปเผยแพร่วัฒนธรรมให้ฝรั่งดู ระยะเวลาที่ไปก็ทำให้เธอได้ฝึกความมีระเบียบต่าง ๆ มีการปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน ๆ ครั้งนี้ได้มาเจอกันอีกตอนแรกกลัวว่าคงไม่มีใครจำเราได้ แต่จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแฟนต้าฯ ปีไหน เมื่อกลับมาเราคือครอบครัวเดียวกัน นางสาวคิดถึงเสมอ ทองแดง หรือ น้องกำปุ๊ง อายุ 17 ปี เรียนอยู่ที่โรงเรียนลำปางกัลยาณี สาวเหนือคนนี้เป็นแฟนต้ายุวทูตด้วยความสามารถในรำ และยังมีความสามารถในการเป็นพิธีกร และผู้สื่อข่าวด้วย เผยถึงประสบการณ์ของการเป็นเด็กแฟนต้าฯ ว่า ให้บทเรียนเยอะมาก การได้เจอเพื่อน ๆ ทำให้รู้ว่ามิตรภาพ สำคัญ อยากชวนน้อง ๆ ที่สนใจเข้าร่วมประกวด ให้ลองเข้ามาสมัครดู เราไม่ต้องรอให้โอกาสเข้ามาหา แต่เราต้องวิ่งเข้าหาโอกาส ยิ่งเด็กต่างจังหวัด ไม่ต้องกลัวว่าจะสู้เด็กกรุงเทพฯไม่ได้ เราเอาความสามารถที่เรามีออกมาโชว์ให้เขาดู แล้วน้อง ๆ จะรู้ว่า โครงการนี้สร้างโอกาสดี ๆ ให้น้องมากมาย การมาเข้าค่ายครั้งนี้เรียกได้ว่า ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ที่ทุกคนจะได้มาเจอกัน ทำให้เราได้กลับมาเจอกันมาพูดคุยถึงประสบการณ์ในการเผยแพร่วัฒนธรรม เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา มันเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน อบอุ่นเหมือนเดิม ปัจจุบันกำปุ๊งยังทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมเผยแพร่ศิลปะดนตรีไทย ร่วมกับทางโรงเรียนอีกด้วย นายรักพงษ์ สุขสำราญ หรือ น้องรัก อายุ 19 ปี ศึกษาอยู่ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะครุศาสตร์ (สาขาดนตรีไทย) ชั้นปีที่ 2 การกลับมาเข้าค่ายรวมรุ่นครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกว่า ได้กลับมาเห็นภาพตัวเองอีกครั้ง และยังได้ร่วมแสดงความสามารถให้น้อง ๆ ได้ชื่นชม ในการไปเผยแพร่วัฒนธรรมที่ประเทศพม่าอีกด้วย น้องรักมีมุมมองเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้รับจากการเป็นแฟนต้ายุวทูตว่า เป็นโครงการที่พัฒนาเด็ก เสริมสร้างให้เด็กกล้าคิด กล้าแสดงออก อยู่ร่วมกับส่วนรวมและทำเพื่อสังคมได้ การที่น้อง ๆ จะก้าวเข้ามาถึงจุดนี้นั้น ชัยชนะไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่การที่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องผมว่ามันได้ประสบการณ์ที่ดีกว่า และการที่เลือกเรียนในสาขาดนตรีไทยทำให้ผมรู้สึกว่าได้อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ทำให้การเผยแพร่วัฒนธรรมของผมไม่มีที่สิ้นสุด นางสาวจาราภิวันท์ ทวีสิทธิ์ (น้องป๋อมแป๋ม) อายุ 22 ปี ศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปี 5 น้องป๋อมแป๋มเป็นเด็กแฟนต้าตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนตอนนี้ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ฟังเธอเล่าถึงภาพวันวานแล้ว ทำให้รู้ว่าเธอเอาชนะใจกรรมการด้วยการรำฉุยฉายแม่บท ตอนนั้นถือเป็นการบันไดก้าวที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเธอเลย เธอถือเป็นเรื่องโชคดี เพราะได้เปิดโลกทัศน์จากการได้ไปเผยแพร่วัฒนธรรมที่ต่างประเทศ และเมื่อได้มีโอกาสมาเข้าค่ายมาเจอพี่ ๆ น้อง ๆ อีกครั้ง ได้เห็นพัฒนาการ และการมาครั้งนี้ก็เหมือนเราได้มารวมใจกันทำหน้าที่แฟนต้ายุวทูตด้วยการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศสหภาพพม่า เป็นภาพที่ประทับใจมาก นายฉันทิพย์ เมืองสง (โจ้) อายุ 23 ปี ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาโฆษณา โจ้มองโครงการนี้ ไม่ใช่แค่โครงการแต่นี่คือครอบครัว ที่สร้างคน ตอนเด็ก ๆ ไม่ได้คิดอะไร แค่สนุก มีเพื่อน พอโตขึ้นมาจึงได้เข้าใจ มันก็เหมือนกระจกแผ่นใหญ่ แผ่นหนึ่งที่จะสะท้อนตัวเราออกมา โจ้ก้าวมาเป็นแฟนต้ายุวทูตด้วยเพราะที่โรงเรียนเห็นความสามารถ และก็ทำได้ด้วยการรำมวย ประสบการณ์ที่ได้รับจึงเป็นประสบการณ์ที่ซื้อไม่ได้ นายกฤษณะ เทพมณี (เอก) อายุ 21 ปี ปัจจุบันทำงานอยู่ที่ กองพันสรรพวุธซ่อมบำรุงเขตหลัง กรมสรรพวุธทหารบก มาร่วมกิจกรรมกับน้อง ๆ ครั้งนี้ด้วยความรู้สึกประทับใจอย่างที่ได้เป็นทูตวัฒนธรรมไปเชื่อมความสัมพันธ์กับประเทศสหภาพพม่า เหมือนตัวเองได้กลับมาทำหน้าที่นี้อีกครั้ง เอกบอกว่าโครงการนี้ก็เหมือนปุ๋ย ที่บำรุงพืชผลให้ เจริญเติบโต มันเป็นจุดเริ่มต้น ที่ไม่ใช่เติบโตเฉพาะแค่โครงการนี้ แต่ก็ทำให้เด็ก ๆ กล้า ที่จะคิดที่จะทำ เหมือนเป็นการพัฒนาความคิดไปด้วย อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ หรือที่รู้จักกันในนาม “ป้าจิ๊” ป้าจิ๊นั้นคลุกคลีอยู่กับโครงการนี้ เรียกได้ว่าน้อง ๆ แต่ละคนนั้นป้าจิ๊รู้จักดี วันนี้ป้าจิ๊เผยถึงความรู้สึก ที่ครบรอบ 20 ปี แฟนต้ายุวทูตกับการเข้าค่ายครั้งนี้ว่า ทุกครั้งที่เจอมันมีความสุข ได้เห็นพัฒนาการของเขาที่ไม่เฉพาะแค่ร่างกายแต่ยังเห็นถึงความคิดและจิตใจของเขาด้วย หลาย ๆ รุ่น ก็มารวมตัวกัน เรามองเห็นถึงความสามัคคี มันเหมือนครอบครัว ถามกันถึงความประทับใจในการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ป้าจิ๊บอกด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า ประทับใจทุกวันที่อยู่กับเด็ก ๆ แฟนต้าฯ เคยมีคนถามว่าป้าชอบงานอะไร ป้าบอกเลยว่าชอบงานแฟนต้าฯ ป้าได้ไปเห็น ได้ไปร่วมทำ กิจกรรมกับพวกเด็ก ๆ ได้ทำงานพิธีกร จากจุดนี้เองป้าจิ๊บอกได้เลยว่า โครงการแฟนต้ายุวทูตเป็นโครงการที่ให้โอกาสเด็กทั่วประเทศทุกคน ไม่ว่าจะฐานะไหน จะเก่งแค่ไหนทุกคนมีสิทธิ์ มันเป็นการให้โอกาสเด็กให้ได้ประสบการณ์ ตรงนี้สำคัญยิ่งกว่าวัตถุ ทุก ๆ ภาคควรให้ความสำคัญเด็กเก่งไม่ปล่อยให้เก่งอยู่กับตัว อย่าสอนให้เด็กเก่งคนเดียว แต่ควรให้เขาได้เห็นความสำคัญของกิจกรรม มีโอกาสได้ชื่นชมคนอื่น การอยู่รวมกันการช่วยเหลือกัน นี่คือสิ่งที่จะทำให้เจาภาคภูมิใจในวันหน้า หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ บริษัทแม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ จำกัด โทร.0-2434-8300 สุจินดา, แสงนภา, ชลธิชา สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--