กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--ทีเส็บ
“ทีเส็บ” บุกตลาดประชุมอินเดีย เร่งเจาะสามเมืองเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ชูสองแคมเปญกระตุ้นตลาดคาดปีนี้ กลุ่มธุรกิจประชุมสร้างรายได้กว่า 55,000 ล้านบาท
สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ เดินหน้ามุ่งขยายตลาดเอเชีย ล่าสุดเดินสายออกโรดโชว์สามตลาดเศรษฐกิจใหม่ในสาธารณรัฐอินเดีย เมืองคอมบาตอร์ เมืองมังกาลอร์ และเมืองปูเน่ เพื่อเปิดโอกาสในการนำเสนอสินค้าและบริการด้านไมซ์ พร้อมเจรจาทางธุรกิจกับกลุ่มผู้ซื้อในตลาดอินเดียตั้งเป้าตลาดอินเดียปีนี้รั้งอันดับหนึ่งของ ผู้เดินทางกลุ่มไมซ์มาไทย คาดกลุ่มประชุมปีนี้กวาดรายได้กว่า 55,000 ล้านบาท
นายธงชัย ศรีดามา กรรมการ ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “ทีเส็บมุ่งเน้นการขยายตลาดระยะใกล้ คือ ตลาดเอเชีย และอาเซียน+6 ทั้งนี้เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 เนื่องจากเอเชียเป็นตลาดอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย ด้วยการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ผู้เดินทางกลุ่มไมซ์จากภูมิภาคเอเชีย ถือได้ว่ามีความสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยเป็นอย่างสูง โดยครองสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 65 ของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งหมด โดยสถิติผู้เดินทางกลุ่มไมซ์จำแนกรายประเทศสูงสุด 10 อันดับแรกเป็นผู้เดินทางกลุ่มไมซ์จากประเทศในกลุ่มภูมิภาคเอเชียทั้งหมดคิดเป็นจำนวนกว่า 480,000 คน โดยมีประเทศอินเดีย จีน เกาหลีใต้ มาเลเซีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และฮ่องกง ตามลำดับ”
“อินเดียนับเป็นตลาดที่ติดอันดับสูงสุดของผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ที่เข้ามายังประเทศไทยโดยในปี พ.ศ. 2555 มีจำนวน ผู้เดินทางกลุ่มไมซ์กว่า 39,000 คน อันเป็นผลจากการวางแผนกลยุทธ์และการสนับสนุนด้านการตลาดของทีเส็บที่มีมาอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ สสปน. ทำการตลาดในเมืองหลักอย่าง เมืองมุมไบ เมืองเดลลี และเมืองบังกาลอร์ ล่าสุดในปี พ.ศ. 2556 ทีเส็บได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายการตลาดเพิ่มเติมใน 3 เมืองเศรษฐกิจของอินเดียทั้ง เมืองคอมบาตอร์ เมืองมังกาลอร์ และเมืองปูเน่ ซึ่งทั้ง 3 เมืองนี้เป็นเมืองที่มีอัตราการเติบโตทางด้านธุรกิจที่สูงขึ้นและเป็นเมืองอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของอินเดียมีแนวโน้มที่จะเดินทางเข้ามาประชุม รวมถึงการพักผ่อนเชิงอินเซนทีฟในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น”
ด้านเมืองเศรษฐกิจหลักทั้งสามของอินเดียอย่างเมืองคอมบาตอร์นั้น เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านอุตสาหกรรมและใหญ่เป็นอันดับสองในรัฐทมิฬ นาฑู เป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมทอผ้า ด้านเมืองมังกาลอร์และเมืองปูเน่นั้น เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สามารถผลิตยานยนต์ทุกประเภท บริษัทชั้นนำของโลกได้ตั้งโรงงานผลิตกันหลายราย อาทิ บริษัท ทาทามอเตอร์ส บริษัทเมอร์เซเดส เบนซ์ บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ บริษัท เดมเลอร์ไครส์เลอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นเมืองแห่งเครื่องจักรกล รวมทั้งมีอุตสาหกรรมด้านไอที ซอฟแวร์ และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ปูเน่มีนิคมอุตสาหกรรมไอทีชั้นนำอย่าง Rajiv Gandhi IT Park, Magarpatta Cybercity, MIDC Software Technology Park นับเป็นลูกค้ากลุ่มองค์กรที่มีศักยภาพที่จะเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายของการจัดประชุมหรือการจัดงานเชิงธุรกิจ
นายธงชัย กล่าวต่อไปว่า “ทีเส็บ กำหนดแผนปฏิบัติงานด้านการตลาดโดยเน้นการเจาะตลาดเชิงรุกสร้างการรับรู้และแสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายแห่งการประชุมกับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยจัดกิจกรรมโรดโชว์เดินสาย 3 เมืองเป็นครั้งแรกร่วมกับพันธมิตรธุรกิจอย่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน)สำนักงานสาธารณรัฐอินเดีย ด้วยการนำผู้ประกอบการไทยภาคเอกชนรวมทั้งสิ้น 11 รายเข้าร่วมนำเสนอสินค้าและบริการด้านไมซ์และการท่องเที่ยวแก่กลุ่มผู้ซื้อซึ่งเป็นลูกค้าระดับองค์กร (buyer) รวม 3 เมืองจำนวน 152 ราย สำหรับโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่ สสปน. นำเสนอ ได้แก่ “แคมเปญดึงงานระดับใหญ่ให้จัดในประเทศไทย” เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กรที่มีศักยภาพในการจัดประชุมและท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลในระดับใหญ่ 1,000 คนขึ้นไป และมีระยะเวลาพำนักในประเทศไทยอย่างน้อย 3 วัน ทั้งนี้ สสปน. จะให้การสนับสนุนทางการเงิน 1 ล้านบาทสำหรับการจัดงาน เพื่อเพิ่มโอกาสในการดึงงานให้เกิดขึ้นในประเทศไทย สำหรับแคมเปญที่สองได้แก่ “แคมเปญให้การสนับสนุนแบบขั้นบันได” เพื่อรักษางานให้จัดในประเทศไทยประจำปีอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปี เจาะการประชุมหรือการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล 1,000 คนขึ้นไป มุ่งเจาะตลาดใน 5 สาขาธุรกิจหลักที่สอดคล้องกับตลาดอินเดีย ได้แก่ กลุ่มบริษัทขายตรง อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ การเงินการธนาคาร และกลุ่มบริษัทประกันภัย ทั้งนี้ ทีเส็บตั้งงบประมาณในการสนับสนุนสูงขึ้นในแต่ละปีที่บริษัทเข้ามาจัดงานในประเทศ โดยมีเงื่อนไขว่าบริษัทจะต้องมีผู้เข้าร่วมงานเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 10 ในแต่ละปี ซึ่งทั้ง 2 แคมเปญจะใช้สนับสนุนสำหรับงานที่เข้ามาจัดในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2556-2558”
จากการเข้าร่วมกิจกรรมโรดโชว์ดังกล่าว คาดว่าในปีนี้จะมีจำนวนผู้เดินทางกลุ่มไมซ์จากสามเมืองนี้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยประมาณ 24,500 คน สร้างรายได้กว่า 2,100 ล้านบาท นอกจากนี้ ทีเส็บยังจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ เพื่อกระตุ้นตลาดอินเดีย อาทิ กิจกรรมโรดโชว์เมืองบังกาลอร์ เมืองไฮเดอราบัด กิจกรรมเชิญลูกค้ากลุ่มองค์กรสัมผัสประสบการณ์ไมซ์ในประเทศไทย (Connection Plus) ด้านกลุ่มประชุมไฮไลท์จากอินเดียที่ยืนยันเข้าร่วมงานในประเทศไทยปีนี้ได้แก่ การประชุมของกลุ่มบริษัทแอมเวย์ ประเทศอินเดีย ที่มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 3,500 คนซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมปีนี้ ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
“ด้านเป้าหมายในปี พ.ศ. 2556 ทีเส็บคาดว่าจะมีผู้เดินทางกลุ่มไมซ์เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจำนวน 792,000 คน สร้างรายได้กว่า 63,200 ล้านบาท คิดเป็นเป้าหมายผู้เดินทางกลุ่มอุตสาหกรรมการประชุม จำนวน 704,000 คน สร้างรายได้กว่า 55,000 ล้านบาท โดยตลาดอินเดียตั้งเป้าหมายการเติบโตร้อยละ 5% คิดเป็นจำนวนผู้เดินทางกลุ่มไมซ์ 41,000 คน สร้างรายได้กว่า 3,300 ล้านบาท” นายธงชัยกล่าวสรุป