วายแอลจี แนะกลยุทธ์ลงทุนทองคำช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน ชี้รอเข้าซื้อบริเวณ 1,650-1,640 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ 23,400-23,200 บาทต่อบาททองคำ

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 4, 2013 13:43 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--PRdd นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของราคาทองคำในตลาดโลกในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้มีการปรับตัวลดลงประมาณ 11.66 ดอลลาร์ต่ออนซ์ หรือลดลงประมาณ 0.70% ซึ่งมีการแกว่งตัวอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงประมาณ 70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ คิดเป็น 4.21% โดยราคาไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,625 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นจุดสูงสุดบริเวณ 1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคากลับมาปิดตลาดที่บริเวณ 1,662 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศนั้นได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้นด้วย ส่งผลให้มีการปรับลดลงประมาณ 550 บาทต่อบาททองคำ หรือคิดเป็น 2.27% ซึ่งมากกว่าในตลาดโลกที่ลดลงเพียง 0.70% เท่านั้น ขณะที่การแกว่งตัวของราคาทองคำอยู่ที่ 800 บทต่อบาททองคำ หรือคิดเป็น 3.38% สำหรับมุมมองของราคาทองคำในช่วงนี้ไปถึงเทศกาลตรุษจีนนั้น วายแอลจีคาดการณ์ว่าราคาจะยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบราคาเช่นเดิม โดยจะสังเกตได้ว่าราคาทองคำจะเริ่มมีการดีดตัวขึ้นเมื่อเข้าใกล้โซนแนวรับ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 23,200 บาทต่อบาททองคำ และจะมีแรงขายทำกำไรเมื่อเข้าใกล้โซน 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 23,900 บาทต่อบาททองคำ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนจึงควรเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นไปก่อน โดยรอให้ราคาทองคำเข้าใกล้แนวรับบริเวณ 1,650-1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 23,400-23,200 บาทต่อบาททองคำ จึงจะเข้าซื้อ และขายทำกำไรในบริเวณแนวต้าน 1,685-1,695 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ ประมาณ 23,750-23,850 บาทต่อบาททองคำ โดยควรวางจุดตัดขาดทุน หากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 23,200 บาทต่อบาททองคำ ด้วย นางพวรรณ์ กล่าวว่า ราคาทองคำในช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางสหรัฐฯค่อนข้างมาก ดังนั้นนักลงทุนควรจับตามองประเด็นของสหรัฐฯเป็นสำคัญ โดยในสัปดาห์นี้ก็จะมีการประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจด้วย อาทิ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM Non-Manufacturing PMI), ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ และตัวเลขยอดดุลการค้า นอกจากนี้ยูโรโซนจะมีการประชุมนโยบายการเงินเกิดขึ้นด้วย ซึ่งประเด็นสำคัญจะอยู่ที่ว่าทางคณะกรรมการจะยังคงอัตราดอกเบี้ย Minimum Bid Rate ที่อัตรา 0.75% อยู่หรือไม่ ซึ่งหากทางธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้มีการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง ก็จะกลายเป็นแรงลบต่อราคาทองคำได้ จากการที่ค่าเงินยูโรได้อ่อนตัวลง ขณะที่สัปดาห์นี้จะเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็ต้องรอลุ้นว่าอุปสงค์ทองคำจากชาวจีนจะสามารถช่วยดันราคาทองคำในการปรับขึ้นได้หรือไม่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ