ขสมก.ชี้แจงกรณีรถโดยสารปรับอากาศสาย 367 ชนคนเสียชีวิตเป็นรถบริษัทเอกชนที่รับสัมปทานจากขนส่ง จ.ปทุมธานีโดยตรง ไม่ใช่รถร่วมในสังกัด ขสมก.

ข่าวทั่วไป Friday October 28, 2005 12:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ต.ค.--ขสมก.
นายปกศักดิ์ เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวปรากฎทางหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชนอื่นๆ ประจำวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเสนอข่าวของรถประจำทางปรับอากาศสาย 367 ทะเบียน 10-0992 วิ่งระหว่างรังสิต-นนทบุรีของบริษัทกิตติสุนทรจำกัด ชนคนเดินเท้าเสียชีวิตบริเวณปากทางเข้า-ออกเมืองทองธานี ถนนติวานนท์ ปากเกร็ด เมื่อตอนเช้าวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมาและมี นสพ.บางฉบับ (นสพ.เดลินิวส์) เสนอข่าวคลาดเคลื่อนว่ารถคันที่เกิดเหตุเป็นรถประจำทางปรับอากาศสาย ปอ.2 วิ่งระหว่างรังสิต-นนทบุรีนั้น ผู้อำนวยการ ขสมก.ชี้แจงว่ารถโดยสารปรับอากาศคันที่เกิดอุบัติเหตุเป็นรถสาย 367 หมวด 3 วิ่งภายในจังหวัดของบริษัทกิตติสุนทรจำกัด ที่มีสัมปทานวิ่งระหว่างรังสิต-ปทุมธานี อยู่ในความควบคุมดูแลของขนส่งจังหวัดปทุมธานี มิใช่เป็นรถเอกชนร่วมบริการที่อยู่ในความควบคุมดูแลของ ขสมก.แต่อย่างใด
สำหรับกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพงศ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ได้สั่งการให้ พลโท ม.ล.กิตติมาศ สุขสวัสดิ์ ประธานบอร์ด ขสมก. เร่งติดตามและเพิ่มมาตรการการแก้ไขปัญหากรณีรถเอกชนร่วมบริการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งขึ้นในระยะนี้ และให้ ขสมก.เข้มงวดเรื่องมารยาทในการขับขี่ของคนขับรถร่วมให้มีการลงโทษสถานหนักนั้น ผู้อำนวยการ ขสมก.ชี้แจงว่า ขสมก.ได้มีมาตรการเข้มงวดกวดขันกับการให้บริการรถเอกชนร่วมบริการอยู่โดยตลอดทั้งด้านการป้องปรามและปราบปราม เช่น จัดนายตรวจตั้งด่านเคลื่อนที่ภาคสนามตรวจจับการใช้ความเร็วของพนักงานขับรถ มารยาทในการขับรถ สภาพของรถ เปิดบริการศูนย์รับเรื่องร้องเรียนทางโทรศัพท์หมายเลข 184 ทุกวันรวมถึงจัดนายตรวจพิเศษออกไปอำนวยความสะดวกในการใช้บริการรถเมล์และรับปัญหาร้องเรียนจากผู้โดยสารตามป้ายรถเมล์ใหญ่ๆ โดยในรอบปีงบประมาณ 2548 ที่ผ่านมา (เดือนตุลาคม 47—กันยายน 48) มีการลงโทษกับรถเอกชนร่วมบริการที่ฝ่าฝืนกระทำความผิดตามความหนัก- เบา ของโทษรวม
5,547 รายแยกเป็น
- ลงโทษตักเตือนทำทัณฑ์บน 1,739 ราย
- ภาคทัณฑ์ 3,151 ราย และปรับเป็นเงิน 1,145,900 บาท
- ให้ปรับปรุงการบริการ-มารยาท 418 ราย
- พักงาน 280 ราย,
- ให้พนักงานประจำรถพ้นสภาพการปฎิบัติหน้าที่ 180 ราย
- พักการเดินรถ 135 ราย
ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวเพิ่มเติมว่าการให้บริการของรถเอกชนร่วมบริการในขณะนี้ยอมรับว่ายังมีมาตรฐานไม่เป็นที่พึงพอใจของผู้ใช้บริการ โดยเฉพาะในเรื่องการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งขณะนี้ ขสมก.ได้เพิ่มมาตรการเร่งด่วนเพื่อให้การคุ้มครองแก่ผู้โดยสารและผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกันอีก 3 ข้อจากมาตรการเดิมที่มีการประกาศใช้อยู่แล้ว คือ
1. ภายในเดือนพฤศจิกายน นี้ ขสมก.ร่วมกับกรรมการขนส่งทางบกจะมีการตรวจสอบสภาพรถร่วมบริการตามสัญญาทุกคันนอกเหนือจากตรวจสอบสภาพรถประจำปีอยู่แล้ว
2. ขสมก.และกรมการขนส่งทางบกจะร่วมกันตรวจสอบคุณสมบัติและสมรรถภาพความพร้อมทางร่างกายและจิตใจของพนักงานขับรถร่วมบริการทั้งหมดในเสร็จโดยเร็ว พร้อมการบันทึกประวัติเพิ่มเติม
3.ขสมก.จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาในการจัดหาบริษัทประกันภัยของรถเอกชนร่วมบริการให้ครบทุกคัน เพื่อการคุ้มครองผู้โดยสารและผู้ใช้รถใช้ถนนหากมีกรณีเกิดอุบัติเหตุขึ้น พร้อมจัดโครงการอบรมหลักสูตรการสร้างจิตสำนึกที่ดีต่องานบริการให้กับพนักงานประจำรถเอกชนร่วมบริการทั้งหมดเร็วๆ นี้ โดยเน้นด้านมารยาทการให้บริการ จิตสำนึกด้านความปลอดภัย โดย ร.ศ.สุนีย์ สินธุเดชะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต จะร่วมเป็นวิทยากรให้การอบรมด้วยและในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น. ผอ.ขสมก.จะเชิญผู้ประกอบการรถเอกชนร่วมบริการทุกรายมาร่วมประชุมหามาตรการกวดขันที่จะมีความเด็ดขาดและรุนแรงมากขึ้น โดยจะพิจารณาแก้ไขระเบียบมาตรฐานการกำกับดูแลให้สามารถบอกเลิกสัญญาได้ทันทีกับรถที่กระทำผิดอย่างร้ายแรงและจะได้นำเสนอบอร์ด ขสมก. พิจารณาโดยเร็วต่อไป อันเป็นอีกมาตรการหนึ่งเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุจากรถเอกชนร่วมบริการให้เกิดผลให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมซึ่งตนเองในฐานะผู้อำนวยการ ขสมก. ก็พร้อมที่จะนำความเห็นและนโยบายอื่นๆ จากมติของบอร์ดไปปฎิบัติกับรถเอกชนร่วมบริการต่อไป--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ