กรุงเทพฯ--13 ก.พ.--เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,645 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,648 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 29.86 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 23,250 บาท กับ 23,350 บาท และกลับมาปิดที่ 23,250 บาท กับ 23,350 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 5,293 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 16,733 คู่สัญญา และ Silver Futures อยู่ที่ 2 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 3 % และ Silver Futures เพิ่มขึ้น 0.5 % GFG13 ปิด 23,410 บาท และ GFJ13 ปิด 23,560 บาท GF10G13 ปิดที่ 23,410 บาท GF10J13 ปิดที่ 23,540 บาท SVG12 ไม่มีปริมาณการซื้อขาย
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 50 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 1,649.6 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 10 เซ็นต์ ที่ระดับ 31.01 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 1,326.89 ตัน (เท่าเดิม) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 48 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 97.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 47.46 จุด ปิดที่ 14,018.70 จุด
ข่าวที่สำคัญ
Bullion Desk, Reuters, MKS, Bloomberg, MarketWatch
ตลาดทองคำมีการรีบาวน์จากจุดต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโร สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับยูโร หลังกลุ่มประเทศ G7 กล่าวว่าจะยังคงใช้กลไกตลาดในการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน และนโยบายทางการเงินและการคลังต่างๆ ต้องไม่มาทำให้ค่าเงินอ่อนค่าโดยตรง
ประเทศ G7 ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ทางธนาคารกลางต่างๆ ของกลุ่ม G7 ไม่ได้กำลังพยายามทำให้ค่าเงินอ่อนค่า แต่เป็นการพยายามกระตุ้นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจแทน นอกจากนี้ พวกเขาไม่ได้กำหนดเป้าหมายชัดเจนในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวหมายถึง การเคลื่อนตัวเข้าสู่ "สงครามสกุลเงิน" ที่อาจเกิดขึ้นหากมีการตกลงกันในเรื่องค่าเงินในกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ และนั่นจึงเป็นเหตุสนับสนุนราคาทองคำ
ภายหลังมีการรายงานว่า แถลงการณ์ของกลุ่ม G7 เป็นการตีความหมายผิด และทางกลุ่ม G7 ได้รายงานถึงความกังวลในเรื่องการอ่อนค่าของสกุลเงินเยน ซึ่งประเด็นนี้จะถูกนำมาหารือกันในการประชุม G20 ในวันศุกร์และเสาร์ที่กำลังจะถึงนี้โดยโฟกัสไปที่ค่าเงินเยนของญี่ปุ่น
นักวิเคราะห์จาก Reuters กล่าวว่า ราคาไม่สามารถฟื้นตัวได้ไกล เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่สดใสขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำลดลง
มีบางรายงานระบุว่า ราคาทองคำได้รับปัจจัยกระตุ้นจากการทดลองนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และการใช้นิวเคลียร์อีกรอบในอิหร่านและอิสราเอล อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทองคำมักถูกใช้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในสถานการณ์ความเสี่ยงมากๆ แต่ไม่ได้เคลื่อนตัวมากนักจากสถานการณ์ความรุนแรงนี้
ราคาทองคำมีผลตอบแทนไม่ดีนัก เมื่อเทียบกับแพลทตินัมและพาลาเดียม ส่งผลให้เฮดฟันด์และนักเก็งกำไรหลักๆ ได้หันไปลงทุนในแพลทตินัมและพาลาเดียมแทน
มีความต้องการทองคำอย่างจำกัด เนื่องจากตลาดเอเชียปิดทำการเนื่องในวันตรุษจีน หลังจากทะลุแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,639.30 เหรียญ
ETF ถือครองเพิ่มขึ้น 0.47 ตันในวันจันทร์สู่ระดับ 2,617.64 ตัน แต่ลดลง 1% จากระดับเฉลี่ยทั้งหมด 2,641.16 ตัน
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน หลังจากโอเปคคาดการณ์ปริมาณความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลดลงเป็นวันที่สอง ตามที่รัฐบาลสหรัฐประมูลขายพันธบัตรอายุ 3 ปีได้ทั้งสิ้น 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งอัตราผลตอบแทนสูงกว่าที่คาด ท่ามกลางสัญญาณที่ยอดขาดดุลสหรัฐอาจยังคงทรงตัว
กระทรวงการคลังสหรัฐ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐดำเนินการกับงบประมาณเกินดุลจำนวน 3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม
กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่า โอกาสการจ้างงานในสถานที่ทำงานต่างๆในสหรัฐ ในเดือนธันวาคมมีการปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.62 ล้านคน จากเดิมที่ระดับ 3.79 ล้านคน
อีซีบีพร้อมที่จะทำการชดเชยภาคธนาคาร โดยเร่งให้เกิดการจ่ายเงินกู้ยืมแบบฉุกเฉินจากมาตรการ LTRO เพื่อให้แน่ใจว่าการลดสภาพคล่องจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมนีอายุ 2 ปีปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน
นายพลอสเซอร์ หนึ่งในสมาชิกเฟด กล่าวว่า มีหลักฐานเล็กน้อยที่การเคลื่อนไหวของเฟดในอนาคตในเรื่องอัตราดอกเบี้ยกำลังกระตุ้นให้เกิดอัตราเงินเฟ้อ
เช้านี้ รองรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น นายนากาโอะกล่าวว่า การตกลงของกลุ่ม G7 ไม่ได้มีเป้าหมายในเรื่องการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน แต่มีจุดประสงค์ในเรื่องเศรษฐกิจภายในประเทศ
นายพลอสเซอร์จากเฟด กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการบางประการของเฟดเป็น "ธรรมชาติทางนโยบายการคลัง" ซึ่งมีความจำเป็นในเรื่องเส้นแบ่งระหว่างนโยบายการเงินและการคลัง
โอบามากำลังแถลงการณ์ในเช้านี้ โดยมีถ้อยแถลงออกมาบางส่วน โดยโอบามาเรียกร้องให้แรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้นเป็น 9 เหรียญ/ชั่วโมง แต่ยังแถลงการณ์ไม่จบ
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- Federal Budget Balance ออกมาที่ 2.9B จากตัวเลขเดิมครั้งที่แล้ว -0.3B
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้
- Core Retail Sales m/m คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.1% จากตัวเลขเดิมครั้งที่แล้ว 0.3%
- Retail Sales m/m คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.1% จากตัวเลขเดิมครั้งที่แล้ว 0.5%
- Import Prices m/m คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 0.8% จากตัวเลขเดิมครั้งที่แล้ว -0.1%
- Crude Oil Inventories คาดการณ์ว่าจะออกมาที่ 2.4M จากตัวเลขเดิมครั้งที่แล้ว 2.6M
วิเคราะห์ทางเทคนิค
Gold — ราคาทองคำมี Technical Rebound ขึ้นมา หลังจากลงไปทดสอบจุดต่ำสุดที่ระดับประมาณ 1,642 เหรียญเมื่อวานนี้ ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากตลาดเอเชียที่ปิดทำการ วันนี้เป็นวันแรกที่ตลาดฮ่องกง และสิงคโปร์จะกลับมาเปิดทำการ ซึ่งเมื่อวานตลาดญี่ปุนกลับมาเปิดทำการ ในขณะที่ตลาดจีนยังคงหยุดต่อ ภาพรวมราคาทองคำมีการซื้อขายอยู่ในกรอบ 1,642 — 1,652 เหรียญ และกลับมาปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,649.6 เหรียญ โดยสภาพทางตัวเลขทางเศรษฐกิจในคืนนี้ภาพรวมทั่วไปคาดหวังว่าไม่ค่อยดีนัก โดยจะมี Core Retail Sales และ Retail Sales ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวลดลง น่าจะไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อตลาดเท่าไรนัก ตลาดยังคงรอคำชี้แจงของนายโอบามา และยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องภาวะ Fiscal Cliff ซึ่งจะเกิด Sequestration ที่จะเป็นการปรับลดค่าใช้จ่ายอัตโนมัติในวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งเหลือเวลาอีก 2 สัปดาห์ วิเคราะห์ทางเทคนิคราคาทองคำยังเป็นแนวโน้มขาลงและยังมีโอกาสที่จะมี Technical Rebound ขึ้นไปสั้นๆ โดยที่จะมีแนวต้านด้านบนที่ระดับ 1,660 เหรียญ ซึ่ง MTS Gold คาดว่าไม่น่าจะสามารถทะลุไปได้ และเป็นจุดที่ให้ทำ short selling โดยมีแนวรับด้านล่างที่ระดับ 1,642 เหรียญ แนะนำให้พยายามเปิดสถานะ Short Position บริเวณแนวต้าน เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากเมื่อวาน 7 สตางค์ มาอยู่ที่ระดับ 29.78 บาท/ดอลลาร์อีกครั้งหนึ่ง จึงเป็นการยืนยันสภาวะที่ MTS Gold แนะนำให้ทำ Short Position เป็นหลัก นักลงทุนที่ยังถือ Long Position น่าจะหาจังหวะในการลดสถานะและหาจังหวะในการปิด Long Position มาเป็น Short Position แทน
Gold Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,320 บาท และแนวต้านที่ระดับ 23,480 บาท
Gold Futures J13 จะมีแนวรับที่ระดับ 23,450 บาท และแนวต้านที่ระดับ 23,630 บาท
Silver Futures G13 จะมีแนวรับที่ระดับ 890 บาท และแนวต้านที่ระดับ 930 บาท
คำแนะนำ
สำหรับนักลงทุนเก็งกำไรรายวัน (Swing Trade)
เก็งกำไรในภาวการณ์แกว่งตัวในกรอบ 1,645 — 1,655 เหรียญ ซึ่งน่าจะแกว่งตัวสลับกันทั้งขึ้นและลง
นักลงทุนระยะสั้น 7 — 20 วัน (Weekly Trade)
เก็งกำไรในทิศทางขาลง เปิด Short Position เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นบริเวณแนวต้านประมาณ 15% — 20% ของพอร์ท
นักลงทุนระยะยาวทองคำแท่ง
หาจังหวะเปิด Short Position ประมาณ 5% - 10% ตามสมควรบริเวณแนวต้านสำคัญ
สรุปได้ว่า MTS Gold ย้ำให้นักลงทุนเล่นในทิศทางขาลงและพยายามลดสถานะ Long Position
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง