กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใหม่ที่จะเริ่มใช้สำหรับบจ.ที่ยื่นคำขอตั้งแต่ 1 ม.ค. 2548 จะได้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามขนาดทุนชำระแล้ว ส่วนบจ.ที่ขอใช้เกณฑ์เก่าต้องแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 30 พ.ย.2547 นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติหลักเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (mai) โดยเกณฑ์ใหม่จะมีการปรับตัวเลขทุนชำระแล้ว และส่วนของผู้ถือหุ้น รวมทั้งกำไรสุทธิที่ผ่านมาให้สอดคล้องกับสิ่งที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องการแยกสภาพของ SET และ mai ให้ชัดเจน “เกณฑ์รับหลักทรัพย์ใหม่นี้ จะเริ่มใช้สำหรับบริษัทที่ยื่นคำขอตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป แต่ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมามีบริษัทหลายแห่งได้เตรียมการเข้าจดทะเบียนใน SET โดยใช้แนวทางตามเกณฑ์เดิมแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงอนุโลมให้บริษัทดังกล่าวสามารถขอใช้เกณฑ์การรับหลักทรัพย์เฉพาะใน SET เดิมก่อนการแก้ไขได้และมีเงื่อนไขต้องเข้าซื้อขายภายใน 31 ธันวาคม 2548 และใช้เกณฑ์ Silent Period เดิมด้วยเช่นกัน โดยเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2547 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แจ้งให้ที่ปรึกษาทางการเงินทุกบริษัททราบเรื่อง ดังกล่าว และกำหนดให้แจ้งความประสงค์มาที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 30 พฤศจิกายน 2547” นางสาว โสภาวดีกล่าว สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทที่เข้าตามเกณฑ์ใหม่และเข้าซื้อขายภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2548 จะได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยจะแบ่งตามขนาดทุนชำระแล้วของบริษัท กล่าวคือ บริษัทใน mai ปกติมีทุนชำระแล้วต่ำกว่า 300 ล้านบาท เสียภาษีในอัตราร้อยละ 20 และบริษัทใน SET หรือ mai ซึ่งมี ทุนชำระแล้วตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไปเสียภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ของมาตรการลดหย่อนภาษีที่สนับสนุนให้บริษัทขนาดเล็กได้รับส่วนลดภาษีในอัตราที่มากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ นางสาวโสภาวดีกล่าวต่อว่า “บริษัทที่จดทะเบียนใน mai และต้องการจะย้ายไปจดทะเบียนใน SET ให้เป็นไปตามความสมัครใจของบริษัท แต่บริษัทที่จะย้ายต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์รับหลักทรัพย์ของ SET ทั้งทุนชำระแล้ว ส่วนของผู้ถือหุ้น ผลการดำเนินงาน และกำไรสุทธิ” นอกจากนี้ ได้มีการปรับเกณฑ์ห้ามผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องขายหุ้นและหลักทรัพย์ภายในเวลาที่กำหนด (Silent Period) ใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงผู้เข้าข่าย Silent period เป็นผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหารงาน (Strategic Shareholders) และห้ามขายหุ้นและหลักทรัพย์จำนวนรวมกันไม่ต่ำกว่าร้อยละ 65 ของทุนชำระแล้ว หลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เป็นระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน เมื่อครบกำหนด 6 เดือน สามารถทยอยขายหุ้นได้ร้อยละ 25 ของหุ้นที่ถูกห้ามขายทุกๆ 6 เดือน เอกสารประกอบข่าวตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ฉบับที่ 157 /2547 วันที่ 29 พฤศจิกายน 2547 ตารางเกณฑ์รับหลักทรัพย์ใหม่ 1. เกณฑ์รับหลักทรัพย์เกณฑ์ SET mai 1. ทุนชำระแล้ว (ลบ.) > 300 > 20[1] 2. Equity (ลบ.) > 300 > 20 3. การกระจายหุ้น - นิยาม ผู้ถือหุ้นที่มิได้เป็น Strategic Shareholders - จำนวนราย > 1,000 ราย > 300 ราย - จำนวนหุ้น 25% ของทุน (อาจผ่อนผันระยะเวลาให้บริษัทที่มีทุน > 10,000 ลบ. ได้ไม่เกิน 1 ปี) 20% ของทุน 4. ผลการดำเนินงาน - Track Record > 3 ปี ก่อนยื่น > 2 ปี ก่อนยื่น > 1 ปี ก่อนยื่น - Same Mgt. 1 ปี 1 ปี 1 ปี - Performance กำไรสุทธิ[2]รวม 2 หรือ 3 ปีล่าสุด > 50 ลบ. + ปีล่าสุด > 30 ลบ. + งวดสะสมล่าสุด > 0 กำไรสุทธิ2 > 0 Market Cap. > 1,500 5. Provident Fund ? ? ? 2. เกณฑ์ Silent Period SET และ mai ผู้เข้าข่าย Strategic Shareholders จำนวนหุ้น 65% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO ระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน เมื่อครบกำหนด 6 เดือนทยอยขายหุ้นได้ 25% ทุกๆ 6 เดือน สำหรับบริษัทที่มีทุนชำระแล้ว > 300 ล้านบาท แต่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ SET ตลาดหลักทรัพย์จะรับเป็นหลักทรัพย์ จดทะเบียนด้วยประกาศตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าด้วยการรับหลักทรัพย์ใน SET แต่ให้หลักทรัพย์ดังกล่าวซื้อขายใน mai ไม่นับรวมต้นทุนทางการเงิน--จบ--