กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--corepeak
กระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศความสำเร็จโครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค ตามนโยบาย One Province One Agro-Industrial Product หรือ OPOAI โดยในปี 2555 มีสถานประกอบการดีเด่น 14 รายที่ผ่านหลักเกณฑ์ในการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น พร้อมเร่งส่งเสริมภาคการเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูปของไทยให้เข้มแข็ง เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของ SMEs และวิสาหกิจชุมชน จึงได้มอบนโยบายให้กับกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกระทรวงหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ให้เน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมทุกระดับ ตั้งแต่ SMEs จนถึงรากหญ้าเพื่อสร้างความเติบโต และความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย โดยให้อุตสาหกรรมจังหวัดทุกจังหวัด สำรวจศักยภาพด้านการเกษตรของแต่ละจังหวัด และสร้างการรวมกลุ่มจังหวัด เพื่อร่วมกันคิดและผลักดันให้อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น โดยส่งเสริมให้มีการใช้ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างสรรค์นวัตกรรมการผลิตผลิตภัณฑ์ระดับจังหวัดที่มีความแตกต่างกัน สามารถพัฒนาเป็น Product Champion ของแต่ละจังหวัด รวมทั้งก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ในภาคอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่มีความหลายหลากตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ อันเป็นปัจจัยสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศที่อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปไทย จะสามารถแข่งขันได้เมื่อต้องเผชิญกับประเทศที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า และประเทศที่มีต้นทุนวัตถุดิบและแรงงานที่ต่ำกว่าบนเวทีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ในปี 2558นายประเสริฐกล่าวว่า ในขณะนี้เศรษฐกิจประเทศไทยกำลังอยู่ในขั้นกำลังพัฒนาและมี GDP ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามกรอบของการเป็น AEC และเพื่อเพิ่มโอกาสของประเทศไทยในการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างไปสู่เศรษฐกิจเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์การแปรรูปภาคการเกษตรอุตสาหกรรม จำเป็นที่ต้องกำหนดทิศทางอย่างจริงจังในการเข้าสู่ AEC ที่มีขนาดตลาดจาก 67 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 600 ล้านคน และที่สำคัญกว่านั้น ประเทศไทยจะต้องมีการบูรณาการเพื่อเข้าแข่งขันตามกรอบความตกลง ASEAN+3 และ ASEAN+6 ตลอดจนการร่วมพิจารณากับ FTA อื่นๆ ที่กำลังจะตามมาในอนาคตด้วย
ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะผู้กำกับดูแลผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือSMEs ไทย ยังคงเปิดกว้างและพร้อมที่จะส่งเสริมธุรกิจการค้าภาคการเกษตรอุตสาหกรรมแปรรูป ให้สามารถเข้าแข่งขันกับประเทศในกลุ่มอาเซียนได้อย่างเต็มที่ โดยอุตสาหกรรมการแปรรูปภาคการเกษตร ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีบทบาทความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ซึ่งต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างจริงจังและเร่งด่วน พร้อมทั้งเสริมสร้างสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีอยู่ให้สามารถพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพให้เกิดความยั่งยืน ดังเช่นประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากสามารถเพิ่มพูนมูลค่าได้อย่างมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และหากภาครัฐและเอกชนมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเข็มแข็ง จะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น
นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป จึงได้จัดทำ โครงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค ตามนโยบาย One Province One Agro-Industrial Product หรือ OPOAI โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ ปี 2550 ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้รับความสำเร็จอย่างดียิ่ง มีสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จำนวนมากกว่า 600 ราย สามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจที่สามารถวัดเป็นตัวเงินได้กว่า 2,600 ล้านบาท โดยผ่านกระบวนการพัฒนาศักยภาพของสถานประกอบการใน 6 แผนงาน ประกอบด้วย
? การบริหารจัดการโลจิสติกส์ เพื่อปรับปรุงกระบวนการทางด้านโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการขนส่งให้ต่ำลง
? การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือลดต้นทุนการผลิตโดยปรับปรุงกระบวนการด้านการผลิตให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ต่ำลง
? การปรับปรุงคุณภาพและการพัฒนางาน เพื่อให้มีระบบการบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพที่ดี
? การลดต้นทุนพลังงาน เพื่อให้องค์กรสามารถลดต้นทุนการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งระยะสั้นและระยะยาว
? การยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์/ระบบมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความพร้อมขององค์กรในการยื่นขอรับรองมาตรฐานต่าง ๆ
? กลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาด โดยการวางแผนการตลาด รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร ที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถเลือกเข้าระบบการพัฒนาได้ 2 แผนงานจาก 6 แผนงานหลัก เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางการค้าและการส่งออก ให้เติบโตสูงขึ้น จากการดำเนินโครงการฯ ในปี 2555 ส่งผลให้สถานประกอบการสามารถลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐกิจที่สามารถวัดเป็นตัวเงินได้กว่า 236 ล้านบาท
ในปี พ.ศ. 2556 กระทรวงอุตสาหกรรมจะยังคงดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายในการพัฒนา/ยกระดับสถานประกอบการไว้ 130 ราย มีสถานประกอบที่สนใจเข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 157 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์สถานประกอบการเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำ ในการพัฒนาเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
ธนศักย์ อุทิศชลานนท์ และปาริชาติ สุวรรณ์
โทร. 0 2439 4600 ต่อ 8202
อีเมล : tanasaku@corepeak.com