ซังโกะ’ พร้อมเข้าตลาดmaiไตรมาส 2 เกาะกระแสอุตสาหกรรมยานยนต์โต ตั้งบล. โนมูระ พัฒนสิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำขายหุ้น IPO 44 ล้านหุ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 6, 2013 17:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--6 มี.ค.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ “ซังโกะ ไดคาซติ้ง” ผู้ผลิตชิ้นส่วนอลูมิเนียมและสังกะสีฉีดขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ฉีดหล่อความดันสูงประกาศเตรียมระดมทุน หลังยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงาน ก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในไตรมาสที่ 2ปี 2556 พร้อมแต่งตั้ง บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน44 ล้านหุ้น มั่นใจทิศทางธุรกิจสดใสต่อเนื่อง เหตุอุตสาหกรรมยานยนต์ปี 2556 เติบโต คาดว่าจะมีกำลังผลิตรถยนต์ประมาณ 2.5-2.6 ล้านคัน นายรัฐวัฒน์ศุขสายชล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซังโกะ ไดคาซติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอลูมิเนียมและสังกะสีฉีดขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ ฉีดหล่อความดันสูง (High-Pressure Diecastingหรือ HPDC) ให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักรกลเกษตร และอื่นๆ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อ ขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2555 โดยบริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ซึ่งคาดว่า จะระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทั้งนี้ บมจ.ซังโกะ ไดคาซติ้ง (ประเทศไทย)ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอลูมิเนียมและสังกะสีฉีดในรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า โดยกระบวนการขึ้นรูปด้วยแม่พิมพ์ฉีดหล่อความดันสูง หรือ HPDC ซึ่งลูกค้าหลักจะอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ คิดเป็นประมาณ 60% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมา คือ อุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ คิดเป็นประมาณ 20% อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า คิดเป็นประมาณ 10% ที่เหลือเป็นอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลเกษตรและอื่นๆ โดยกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจที่ยึดถือมาตลอดนับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทฯ เมื่อปี 2539 คือ ความเชี่ยวชาญในการออกแบบแม่พิมพ์ ซึ่งเป็นKnow-How ที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังมีการพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรองรับและตอบสนองต่อมาตรฐานการผลิตของลูกค้าได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น “เรามี Know-How ทั้งด้านการออกแบบแม่พิมพ์และกระบวนการผลิต ที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่กว่าจะได้รับการยอมรับก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากลูกค้าเข้ามาตรวจสอบคุณภาพหลายครั้ง ทั้งด้านการผลิตว่าสามารถผลิตได้ตามกำหนดหรือไม่ ทั้งด้านคุณภาพว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานระดับสากลหรือไม่ และที่ผ่านมาบริษัทฯ ก็ได้ผ่านบทพิสูจน์ดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งKnow-How ทางด้านการออกแบบแม่พิมพ์และกระบวนการผลิต ทำให้เราลดปริมาณความสูญเสียจากการผลิต รวมถึงควบคุมต้นทุนการผลิต และส่งผลให้เราสามารถเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรได้ ขณะที่การพัฒนากระบวนการผลิตจะทำให้บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นในการผลิต ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงในการพึ่งพิงอุตสาหกรรม เป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายสู่ตลาดอื่นได้ และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการบริหารวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย” นายรัฐวัฒน์กล่าว สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งบริษัทฯจะนำไปใช้ในการลงทุนขยายพื้นที่โรงงานและกำลังการผลิตเนื่องจากปี 2555 บริษัทฯได้ทำการซื้อที่ดินพร้อมอาคารโรงงานขนาดพื้นที่3 ไร่ภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะอำเภอบ้านค่ายจังหวัดระยองซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดกับโรงงานของบริษัทฯเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่วนเงินที่เหลือ บริษัทฯ จะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ด้านนายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์โนมูระพัฒนสินจำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวว่าแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ในการขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน44ล้านหุ้นขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของก.ล.ต. โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอได้ประมาณไตรมาส 2 ของปี 2556 “เราเชื่อว่า ในปีนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า กำลังการผลิตรถยนต์ในปี 2556 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้ประเมินตัวเลขที่ระดับ 2.5-2.6 ล้านคัน ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพื่อให้เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ติด 10 อันดับแรกของโลกดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่า การที่บมจ.ซังโกะไดคาซติ้ง (ประเทศไทย) เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จะช่วยให้ธุรกิจบริษัทฯ ขยายตัวและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายนิมิตกล่าว ขณะที่ปี 2552-2555 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ ตามลำดับดังนี้ 185.45 ล้านบาท 291.26ล้านบาท 351.82 ล้านบาท และ 474.48 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทฯซังโกะ ไดคาชติ้ง (ประเทศไทย) มีทุนจดทะเบียน 113 ล้านบาทเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 88 ล้านบาทแบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 176 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาทและภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปบริษัทฯจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน 110 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ