ฟิทช์ให้อันดับเครดิตโครงการ EMTN ของธนาคารกรุงไทย ที่ ‘BBB’

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 7, 2013 11:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศให้อันดับเครดิต‘BBB’ แก่โครงการ Euro Medium Term Note (EMTN)ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ซึ่งมีมูลค่ารวม 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB (อันดับเครดิต ‘BBB’/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ในขณะเดียวกัน ฟิทช์คาดว่าจะให้อันดับเครดิตที่ ‘BBB(EXP)’ แก่หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ KTB ซึ่งจะออกภายใต้โครงการ EMTN หุ้นกู้ดังกล่าวจะออกโดยสาขาหมู่เกาะเคย์แมน เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้ในการดำเนินกิจการทั่วไปของธนาคาร อันดับเครดิตนี้จะสมบูรณ์ต่อเมื่อฟิทช์ได้รับเอกสารต่างๆ ฉบับจริงครบถ้วน ฟิทช์ย้ำว่าหุ้นกู้ซึ่งจะออกภายใต้โครงการเดียวกันนี้ในอนาคตอาจจะไม่ได้อันดับเครดิตเดียวกันกับ อันดับเครดิตประเภทไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน ของโครงการ เนื่องจากโครงการดังกล่าวสามารถออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิได้เช่นกัน ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อยู่ที่ระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating) ของ KTB ที่ ‘BBB’ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร อันดับเครดิตของ KTB สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ที่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล หากมีความจำเป็น โดยมุมมองดังกล่าวพิจารณาจากการที่รัฐบาลถือหุ้นส่วนใหญ่ของธนาคาร พร้อมทั้งควบคุมกำกับอย่างใกล้ชิด รวมถึงการสนับสนุนจากรัฐบาลในอดีต และความสำคัญของธนาคารต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนั้นฟิทช์มองว่าการที่รัฐบาลได้มีการใช้ KTB เป็นช่องทางในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลในบางครั้ง เป็นการชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของธนาคารกับรัฐบาลมากกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่น ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 KTB เป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 18% KTB มี 1,091 สาขาในประเทศ สำหรับยอดสินเชื่อของธนาคาร สินเชื่อธุรกิจมีสัดส่วนสูงที่สุด ตามด้วยสินเชื่อรายย่อย และ สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง เนื่องจาก KTB เป็นธนาคารที่ถือหุ้นส่วนใหญ่โดยภาครัฐ ทำให้ KTB มีสินเชื่อให้ภาครัฐบาลและรัฐวิสาหกิจในจำนวนที่สูง ในปี 2555 KTB มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ในขณะเดียวกันอัตราส่วนเงินกองทุนของธนาคารก็อยู่ในระดับดี อัตราส่วนกำไรสุทธิต่อสินทรัพย์เพิ่มเป็น 1.1% ณ สิ้นปี 2555 (ปี 2554 : 0.9%) จากการเติบโตของสินเชื่อ ที่ 7% จากปีก่อนหน้า และรายได้ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น 21% จากปีก่อนหน้าอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อก็มีการปรับตัวในทางที่ดีขึ้น อัตราส่วนดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ 3.9% ณ สิ้นปี 2555 (ณ สิ้นปี 2554 : 4.5%) อัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 92.7% ณ สิ้นปี 2555 (ณ สิ้นปี 2554 : 69%) อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่1 อยู่ที่ 10.2% ณ สิ้นปี 2555 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ในอุตสาหกรรม ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตของประเทศไทย (‘BBB’ /แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ KTB อย่างไรก็ตามเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดอันดับเครดิตของธนาคาร ที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงิน (รวมถึงธนาคารที่มีหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายรัฐเป็นครั้งคราว) ที่มีการถือหุ้นโดยรัฐต่ำกว่า 100% ในประเทศอื่นๆ ที่มีอันดับเครดิตอยู่ในระดับสูง อันดับเครดิตของ KTB อาจไม่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของประเทศไทย หากอันดับเครดิตของประเทศไทยได้รับการปรับอันดับเพิ่มขึ้นไปในช่วงอันดับเครดิต ‘A’ ทั้งนี้เนื่องจากการความจำเป็นในการพึ่งพาธนาคารพาณิชย์จากภาครัฐเพื่อผลักดันนโยบายทางเศรษฐกิจอาจลดลง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ