กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ก.ล.ต.
ศาลอาญากรุงเทพใต้ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกอดีตผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน 2 ราย เป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอการลงโทษ คือ นายนุประพัทธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา กรณีบริหารงานโดยไม่ซื่อสัตย์สุจริตและไม่ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ กระทำการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบจากบริษัท โดยมีนางกาญจนา เหล่าตระกูล เป็นผู้ให้การสนับสนุน
สืบเนื่องจาก ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษนายนุประพัทธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อดีตกรรมการของบริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2542 กรณีกระทำการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีที่บริษัทมีมติให้ลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง ในราคาหุ้นละไม่เกิน 20 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดของหุ้นดังกล่าวในขณะนั้นเป็นจำนวนมาก และในเวลาต่อมา
นายนุประพัทธ์ ได้มอบหมายให้ นางกาญจนา เหล่าตระกูล อดีตผู้อำนวยการฝ่าย บริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ฯ ดำเนินการซื้อหุ้นบริษัทเดียวกันนั้นผ่านบัญชีของบุคคลอื่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นจำนวน 172,400 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5.30 - 8.50 บาท และได้นำหุ้นดังกล่าวมาขายต่อให้แก่บริษัทในราคาหุ้นละ 19.75 บาท ซึ่งมิใช่ราคาตลาดที่บุคคลทั่วไปซื้อขายกัน
ในการนี้ อัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องและศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาว่า นายนุประพัทธ์ จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามมาตรา 85 แห่ง พระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. บริษัทมหาชนฯ) มาตรา 311 และมาตรา 313 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.
หลักทรัพย์ฯ) จึงพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี ส่วนนางกาญจนา จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามมาตรา 85 แห่ง พ.ร.บ. บริษัทมหาชนฯ ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 315 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ จึงพิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี เช่นกัน
“คำพิพากษานี้น่าที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนจะใช้เป็นกรณีตัวอย่าง เพื่อนำไปสู่การเพิ่มความระมัดระวังในการบริหารกิจการด้วยหลักธรรมาภิบาลที่ดี และการปฏิบัติหน้าที่ด้วยซื่อสัตย์สุจริตและระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของบริษัท นอกจากนี้ ยังแสดงว่า กระบวนการยุติธรรมของไทยมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะนำผู้กระทำความผิดลงโทษได้ด้วย” นายประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการกล่าว--จบ--