“เดอะเฟส เอสเทติก” คลินิกเสริมความงามระดับพรีเมียมน้องใหม่ ทุ่ม 150 ล้านบาท หวังกวาดลูกค้าใหม่กว่าหมื่นรายในสิ้นปี 2556

ข่าวทั่วไป Monday March 18, 2013 15:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 มี.ค.--hi-like จากภาพรวมมูลค่าตลาดคลินิกเสริมความงาม ว่า 20,000 ล้านบาทในปีที่ผ่าน THE FACE Aesthetic (เดอะเฟส เอสเทติก) คลินิกเสริมความงามระดับพรีเมียม จึงทุ่มเม็ดเงินกว่า 150 ล้านบาท กับนวตกรรมใหม่ ชั้นเยี่ยมจากทั่วโลก พร้อมชู 3 กลยุทธ์หลักมัดใจลูกค้า จากมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก การรักษาที่เห็นผล และให้ความเป็นส่วนตัวอย่างสูงสุด มั่นใจทำกำไรกว่า 200 ล้านบาทในสิ้นปี 2556 THE FACE Aesthetic (เดอะเฟส เอสเทติก) คลินิกเสริมความงามน้องใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ ณ ชั้น 7 ของอาคารแบงคอค เมดิเพล็กซ์ เชื่อมกับสถานีบีทีเอสเอกมัย (ทางออกที่ 2) แม้จะเพิ่งก้าวเข้ามาสู่เส้นทางธุรกิจการเสริมความงามได้เพียงปีเศษๆ แต่ก็สามารถสร้างฐานลูกค้าได้ถึง 8,000 คน และเป็นที่ยอมรับของผู้มาใช้บริการจำนวนมาก เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านความงามระดับพรีเมียมได้รับการการันตีมาตรฐานระดับสากล มูลค่าการลงทุนกว่า 150 ล้านบาท โดยแบ่งการลงทุนในเรื่องของสถานที่มากที่สุด รองลงมาคือเรื่องอุปกรณ์และทีมแพทย์ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และได้รับผลการรักษาที่ดีเยี่ยมและตรงจุด โดยคลีนิก เดอะเฟสฯ มีจุดเด่นคือ คุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญมาก และดูแลลูกค้าด้วยเครื่องมือชั้นแนวหน้าของโลก โดยกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะมีช่วงอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงสุด นายศวิน ห่อมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะเฟส เอสเทติก จำกัด ได้กล่าวว่า “เนื่องจากปัจจุบัน วิทยาการต่างๆ ก้าวหน้าไปมาก ผู้คนดูแลตัวเองมากขึ้น อายุขัยเฉลี่ยของคนเพิ่มสูงขึ้น เรื่องความงามหรือบุคลิกภาพจึงเป็นสิ่งที่ได้รับความใส่ใจตามมาเป็นอันดับต้นๆ เห็นได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปคือ อายุของผู้เข้ามาใช้บริการเริ่มน้อยลง และกลุ่มลูกค้าก็เปิดกว้างมากขึ้น โดยมีทั้งผู้หญิง และผู้ชาย เราจึงมองเห็นโอกาสทางธุรกิจด้านความงามนี้ ด้วยการใส่ใจ เอาจริงเอาจังและจริงใจกับลูกค้า จึงทำให้ผมมั่นใจกับธุรกิจนี้มากจริงๆ หลักๆคือ เราใส่ใจในทีมแพทย์ และเครื่องมือต่างๆ โดยทีมแพทย์จะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ การรักษาหรือการให้คำปรึกษาจะเน้นการให้คำแนะนำและทางเลือกที่เป็นกลางกับลูกค้ามากกว่า เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากต่างประเทศแล้วทั้งหมด ตอนนี้เรามองว่า จะขยายตลาดโดยเน้นที่กลุ่ม AEC เป็นหลัก ซึ่งมีการติดต่อจากทัวร์จากต่างประเทศให้มาใช้บริการที่เดอะเฟสฯ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนระดับพรีเมี่ยมจาก สิงคโปร์และ จีน ซึ่งผมคิดว่าเมื่อประเทศไทยเข้าร่วม AEC ก็จะทำให้คลินิกของเราเป็นที่รู้จักของลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติในกลุ่มทวีปเอเชียมากขึ้น ตอนนี้การให้บริการของเราจะเป็นการจองเท่านั้น สังเกตได้จากการ Walk in ของลูกค้าเป็น 0 % ส่วนใหญ่จะเป็นแบบปากต่อปากสูงถึง 80 % เพราะด้วยการรักษาที่เห็นผลอย่างชัดเจน นอกนั้นจะเป็นลุกค้าจากสื่อออนไลน์ อีก 20 % โดยคลีนิคของเรามีคุณหมอทั้งหมด 8 ท่านที่จะหมุนเวียนกันมาดูแลคนไข้ มีห้องทรีตเม้นท์ ทั้งหมด 16 ห้อง สามารถรองรับลูกค้าได้สัปดาห์ละ 1 พันกว่าคน โดยเป้าหมายธุรกิจของเราในปี 2556 นี้เราตั้งเป้าให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 8 พันรายเป็น 1 หมื่นราย ในปีที่ 3 ต้องการจะขยายสาขาให้ได้ทั่วกรุงเทพฯ 5 สาขา และในปีที่ 4-5 จะขยายสาขาไปสู่ต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ อาทิ ภูเก็ต,เชียงใหม่ และหรือขอนแก่น ในปีที่ 10 เราต้องการสร้างรากฐานให้แข็งแรงจนสามารถขายเฟรนไชน์ได้ในอนาคต และลูกค้าทุกรายต้องได้รับบริการที่ดีเยี่ยมด้วยมาตรฐานระดับโลก โดยกลุยุทธ์หลักในการทำการตลาดคือ 3 สิ่งที่ถือเป็นหัวใจหลัก คือ 1.ทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัย ในการรักษาทุกๆขั้นตอน 2.ใช้บริการแล้วเห็นผล ตามที่ลูกค้าต้องการ หรือใกล้เครียงมากที่สุก 3. ลูกค้าได้รับความสะดวกและความเป็นส่วนตัวสูงสุด ผมคิดว่าขอแค่ลูกค้าได้ใช้บริการสักครั้ง ก็จะรู้สึกถึงความประทับใจ และลูกค้าจะกลับมาใช้บริการอีกแน่นอน โดยการเดินทางมาเดอะ เฟสฯ ก็ค่อนข้างสะดวก สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีเอกมัย(ทางออกที่ 2) และเดินเข้ามาที่ตัวตึกได้เลย ซึ่งโปรแกรมการรักษาของคลินิก THE FACE Aesthetic (เดอะเฟส เอสเทติก) ก็มีหลากหลายให้คุณผู้หญิงที่รักความสวยความงามเลือกอย่างครบวงจรเรียกว่าตั้งแต่ปลายผมจรดปลายเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรแกรมร้อยไหมที่ถือเป็นการรักษาที่มหัศจรรย์สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาในเรื่องของริ้วรอยได้อย่างชัดเจน การร้อยไหม( THREAD LIFTING ) นอกจากจะช่วยเรื่องยกกระชับใบหน้าแล้ว ยังช่วยในเรื่องปรับรูปหน้าได้อีกด้วย โดยสามารถร้อยบริเวณจมูกทำให้โด่งสวย สามารถลดถุงใต้ตา เสริมคาง ลดเหนียงใต้คาง โดยเทคนิคการร้อยไหม เป็นเทคนิคใหม่ล่าสุด จากประเทศเกาหลี ไหมที่นำมาร้อย เป็นไหมชนิด Polydioxanone( PDO ) ซึ่งเป็นไหมละลายที่ใช้ในการเย็บผนังเส้นเลือดหัวใจ โอกาสแพ้จึงน้อยมาก และไม่มีผลเสียใดๆ ต่อร่างกาย และที่สำคัญไหมชนิดนี้ผ่านการรับรองจาก อย. ของประเทศเกาหลีใต้ และอย.ของประเทศไทย เรียบร้อยแล้ว กระบวนการทำงานของไหม คือไหมละลายที่นำมาร้อยจะละลายไปภายใน 6 — 8 เดือนไม่เหลือตกค้างอยู่ในร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรือผลเสียในภายหลัง และที่ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้คนไข้ประทับใจและนำไปบอกต่อคือ การเห็นผลที่ชัดเจน เนื่องจากในขณะที่เส้นไหมอยู่ใต้ผิวหนัง จะกระตุ้นการสร้างเส้นคอลลาเจนใหม่ รอบๆ เส้นไหม จึงเกิดการยกกระชับขึ้น และแลดูอ่อนกว่าวัยด้วย อีกหนึ่งโปรแกรมของทาง ที่คนไข้ให้การตอบรับมากเป็นพิเศษคือ Fine Scan คือ ระบบ fractional Laser ( เลเซอร์แบบยิงแยกส่วนด้วยอุปกรณ์ สแกนความเร็วสูง เทคโนโลยีในการผลัดผิวหนังอีกชนิดหนึ่งที่ก้าวหน้าที่สุดในปัจจุบัน) เป็นระบบ Laser ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานที่มีความละเอียดเที่ยงตรงเป็นพิเศษ การรักษาสามารถกำหนดความลึกได้ตามโปรแกรม ระหว่าง1/10 มิลลิเมตร จนถึง 2 มิลลิเมตร ที่สำคัญแสงเลเซอร์สามารถยิงลงไปในผิวหนังโดยไม่เกิดบาดแผลด้านบน ไม่ทำลายเนื้อเยื่อ Laser Fine Scan ช่วยในเรื่องรูขุมขน หลุมสิว และผลัดเซลล์ผิวใหม่ นี่เป็นแค่ 2 ในหลายๆ โปรแกรมการรักษาที่ได้ผลชัดเจนจาก THE FACE Aesthetic (เดอะเฟส เอสเทติก) และเตรียมพร้อมสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายที่รักสวยรักงาม และที่สำคัญคุณไม่จำเป็นต้องพึ่งมีดหมออีกต่อไป เรียกว่าสวยใสได้โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม จึงเป็นการเสริมความงามที่น่าจะตอบโจทย์ของสาวๆ ที่รักจะสวยแต่กลัวมีดหมอได้เป็นอย่างดีในปัจจุบันนี้” นายศวิน กล่าวปิดท้าย
แท็ก นวตกรรม  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ