นันยาง ฉลอง 60 ปีเบอร์ 1 ธุรกิจรองเท้านักเรียนเมืองไทย หนุนทายาทรุ่น 3 สานต่อความเก๋าให้ทุกก้าวยังคงเป็นตำนานแห่งผู้นำ

ข่าวทั่วไป Thursday March 28, 2013 15:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น นันยาง ฉลอง 60 ปีเบอร์ 1 ธุรกิจรองเท้านักเรียนเมืองไทยหนุนทายาทรุ่น 3 สานต่อความเก๋าให้ทุกก้าวยังคงเป็นตำนานแห่งผู้นำ เปิดเทอมปี 56 ตั้งเป้าโต 12% มั่นใจกระแสโฆษณา “เก๋าที่ความคิด” จะโดนใจจนกลายเป็นทอล์ก นันยางประกาศความเป็นผู้นำฉลอง 60 ปีอย่างยิ่งใหญ่ อัดงบการตลาดต้อนรับช่วงเปิดเทอมใหม่ วางหมากเดินหน้าสร้างตำนานรับกระแสยุคออนไลน์ ดันทายาทรุ่น 3 เดินเกมหวังครองแชมป์แบบถาวร เน้นคุณภาพสินค้า พลิกโฉมกลยุทธ์การสื่อสารที่เข้าถึง กลุ่มเป้าหมาย ณ ปัจจุบัน กระตุ้นให้โชว์เก๋ากระตุกสังคมแบบคิดบวกหนุนวัยรุ่นยุคใหม่ นายธีระวัฒน์ ลิยมาสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า รองเท้านันยางกำเนิดขึ้นในไทยครั้งแรกในปี 2496 โดยบริษัท นันยางอุตสาหกรรม จำกัดเป็นผู้ผลิต และบริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย โดยในปีนี้ถือเป็นปีที่ 60 แห่งการดำเนินธุรกิจ ตลอดเวลาที่รองเท้าผ้าใบนันยางอยู่คู่กับคนไทย มาเป็นเวลานานสามารถครองใจนักเรียนในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน และเรามั่นใจว่าด้วยปรัชญานโยบายและกลยุทธ์ต่างๆ ของนันยางจะทำให้รองเท้าผ้าใบนันยางอยู่ในใจคนไทยในอนาคตด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา ตลาดรองเท้านักเรียนมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรองเท้าผ้าใบ สำหรับนักเรียนชายและหญิงรวมถึงลูกเสือเนตรนารี ยุวกาชาด พลศึกษา ต่อเนื่องถึงระดับอุดมศึกษา ประมาณ 3,000 ล้านบาท หรือประมาณ 61% ของตลาดอีกส่วนหนึ่งเป็นรองเท้านักเรียนหนังดำสำหรับนักเรียนหญิงประมาณ 38% ส่วนที่เหลือเป็นรองเท้าหนัง ในบางโรงเรียนและระดับอุดมศึกษา โดยเฉลี่ยตลาดรองเท้านักเรียนมีอัตราการเติบโต ประมาณปีละ 5-6 % แต่ในปีที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโตสูงถึง 10% จากปี 2554 โดยนันยางครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในรองเท้าผ้าใบนักเรียน และมีอัตราการเติบโตประมาณ 18% จากปี 2554 จากลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เช่นเด็กประถมและนักเรียนหญิง ประกอบกับการเพิ่มศักยภาพตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศทำให้สามารถกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยแบ่งช่องทางการขายเป็นแบบ Traditional Trade 70% และ Modern Trade 30% “ในปี 2556 ซึ่งถือเป็นปีที่ 60 ของนันยางนั้นเรามุ่งมั่นที่จะผลิตสินค้าคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้อนรับฤดูกาล เปิดเทอมใหม่ที่กำลังจะมาถึงในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยนันยางตั้งเป้าอัตราเติบโตของรองเท้าผ้าใบในช่วง Back to School นี้ไว้ที่ 12% ด้วยการพัฒนากระบวนการผลิต ระบบการจัดส่งและกระจายสินค้าคาดว่าจะสามารถรองรับความต้องการของผู้บริโภคได้ทั่วประเทศ ประกอบกับการเพิ่มงบประมาณและกิจกรรมทางการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะด้าน Social Media ของเรา จึงมั่นใจว่าจะทำให้นันยางสามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้” นายธีระวัฒน์ กล่าว ด้านนายชัยพัชร์ ซอโสตถิกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นันยางอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวถึงนโยบายด้านการผลิตของนันยางว่า ตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมาโรงงานนันยางได้ผลิตรองเท้ามาแล้วกว่า 300 ล้านคู่ “การรักษาคุณภาพ” ถือเป็นเคล็ดลับแห่งความสำเร็จตลอด 60 ปีของนันยางที่ทำให้สามารถครองใจคนไทยมาทุกยุคทุกสมัยในวันแรกที่โรงงานนันยางเริ่มผลิตนั้น เราสามารถผลิตรองเท้าผ้าใบได้ไม่กี่ร้อยคู่บรรจุในถุงกระดาษ จนถึงวันนี้เราได้ขยายโรงงานและเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตรองเท้ามากกว่า 50,000 คู่ ต่อวัน หรือ 20 ล้านคู่ต่อปี โดยรองเท้านันยางถือเป็นรองเท้าแบรนด์เดียวในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ใช้ “ยางพาราธรรมชาติแท้ 100%” และเป็นยางที่ มาจากเกษตรกรไทยทำให้ผู้ใช้ปลอดภัยเพราะไม่ลื่น ทั้งยังใส่สบายมีความยืดหยุ่นดี และมีความทนทานเป็นเลิศ จำหน่ายในราคาเริ่มต้นเพียง 285 บาทต่อคู่ สามารถรองรับการเดินหรือวิ่งได้มากกว่า 1,000,000 ก้าว จากผลการวิจัยการไปโรงเรียนของเด็กนักเรียนไทย นักเรียนชายไทยเดินหรือวิ่งประมาณ 7,322 ก้าวต่อคนต่อวัน ส่วนนักเรียนหญิง 1 คน เดินหรือวิ่ง ประมาณ 5,428 ก้าวต่อคนต่อวัน หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 1,223,712 ก้าวต่อคนต่อปีการศึกษา และเพื่อให้คนไทยร่วมฉลองครบ 60 ปีร่วมกับนันยาง เราจึงได้ออกแบบกล่องรองเท้านันยางแบบใหม่ที่แสดงถึงคอนเซปต์ความเป็นตำนานของนันยางผสมผสานตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน แสดงออกถึงเอกลักษณ์ความโดดเด่นของนันยางที่ไม่มีใครเหมือน นอกจากนี้เรายังได้เพิ่มไลน์สินค้ารองเท้านักเรียนไปยังกลุ่มเด็กประถม อายุ 5-9 ปีโดยเฉพาะ โดยมีชื่อรุ่นว่า “นันยาง Have Fun” ที่มีความโดดเด่น ด้านน้ำหนักเบาที่สุดในตลาดรองเท้าผ้าใบนักเรียน เพื่อให้เด็กประถมได้ทำกิจกรรมในโรงเรียนอย่างสนุกสนานเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมีคอนเซปต์ว่า “เบา กระชับ นุ่ม สนุกสุด FUN” ซึ่งเรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับ จากกลุ่มลูกค้าดังเช่นรุ่นอื่นๆ ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ด้านกลยุทธ์ทางการตลาดของนันยางนั้น นายจักรพล จันทวิมล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ เปิดเผยว่า แบรนด์คอนเซปต์ในความเท่ ความเก๋าของนันยางถูกทำให้ชัดเจนอย่างมีทิศทางมาตลอด 60 ปี และในอนาคต นันยางก็จะสานต่อความชัดเจนดังกล่าวต่อไป เพียงแต่เลือกสรรช่องทางการสื่อสารให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย แต่ละยุคสมัยมากขึ้น ปัจจุบันการสื่อสารการตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากในอดีต Social Media เริ่มมีความสำคัญมากในยุคปัจจุบัน โดยในปี 2556 นี้ นันยางจะเพิ่มความสำคัญของการทำการตลาดผ่าน Social Media เช่น Facebook, Youtube, Instagram โดยเฉพาะ Facebook ของนันยางที่มีสมาชิกกว่า 180,000 คน ซึ่งกว่า 80% เป็นกลุ่มผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของนันยาง โดยในปีนี้นันยางได้เพิ่มงบประมาณด้านการตลาดกว่า 40% จำนวนเงิน 60 ล้านบาท ซึ่งจะมาสร้างแคมเปญการตลาดที่สร้างความฮือฮาในหมู่เด็กนักเรียน ตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 ของรองเท้านักเรียนไทยจะมีภาพยนต์โฆษณารวมถึงสื่อออนไลน์จำนวนมากที่เราต้องการจะเพิ่ม Content น้ำดีเข้าไปในโลกออนไลน์ และนี่เป็นครั้งแรกวงการโฆษณาไทยที่ใช้วิธีการถ่ายแบบกล้องจากมือถือเหมือนถ่ายกันใน Social Media ซึ่งเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นไทยในปัจจุบัน แสดงผ่านความเก๋าของวัยรุ่นที่มีความคิดสร้างสรรค์สังคมและเพื่อให้สอดคล้องกับโครงการ “โรงเรียนสุจริต” ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่ต้องการให้นักเรียนมีความซื่อสัตย์สุจริตในทุกด้านของการดำเนินชีวิตและนำความซื่อสัตย์นั้นติดตัวไปจนเติบโต เราในฐานะภาคเอกชนที่ได้สนับสนุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สพฐ. ตลอดมา จึงขออาสาเป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารต่อต้านการคอรัปชั่นสไตล์นันยาง ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเด็กนันยางทันสมัย แต่ยังคงเก๋าที่ความคิดเสมอนี่เองจึงกลายเป็นที่มาของไอเดีย “วัยรุ่น..เก๋าที่ความคิด” และเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่ง แนวคิดที่สร้างให้ “ทุกก้าวของนันยางเป็นตำนานตลอดไป”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ