กรุงเทพฯ--28 มี.ค.--ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี - พรินซิเพิล จำกัด แจ้งข่าวประกาศจ่ายเงินปันผลและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ สำหรับ 3 กองทุน iFUND Series ซึ่งได้แก่ 1.กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iPROP) 2. กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ดิวิเดนด์ อินคัม(CIMB-PRINCIPAL iDIV) และ 3. กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iDAILY)
นายเจิดพันธุ์ นิธยายน ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดและการขาย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนซีไอเอ็มบี—พรินซิเพิล จำกัด แจ้งข่าวกองทุนเปิดกลุ่มซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล อินคัม หรือ กองทุน iFUND Seriesทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวข้างต้นนั้น ประกาศปิดสมุดทะเบียนกองทุนในวันที่ 29 มีนาคม 2556 เพื่อจ่ายปันผลสำหรับนักลงทุนที่ถือครองกองทุนในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2556 โดยกองทุนทั้ง 3 กองทุน จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน 2 ชนิดคือ Class D และ Class R ซึ่ง Class D จะจ่ายปันผลในวันที่ 3 เมษายน 2556 สำหรับ Class R จะทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ในวันที่ 1 เมษายน 2556
กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iPROP) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 4 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 8 ต่อปีสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตั้งแต่ต้นไตรมาส 1/56 โดยที่ผลการดำเนินงานกองทุนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ร้อยละ 6.87* อีกทั้ง กองทุนนี้ได้รับจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนของกองทุนเป็น 350 ล้านหน่วยลงทุนแล้วเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2556
กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ดิวิเดนด์ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iDIV) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 3 ในอัตรา 0.39 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 12 ต่อปีสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตั้งแต่ต้นไตรมาส 1/56 โดยที่ผลการดำเนินงานกองทุนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ร้อยละ 22.19*
กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เดลี่ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iDAILY) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 ในอัตรา 0.064 บาทต่อหน่วยลงทุน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 2.5 ต่อปีสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตั้งแต่ต้นไตรมาส 1/56 โดยที่ผลการดำเนินงานกองทุนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 2.72*
“กองทุนตระกูล iFUND Series เราตั้งใจจะจ่ายผลตอบแทนคืนให้กับนักลงทุนเป็นรายไตรมาส โดยครั้งนี้สำหรับกอง iPROP ก็จะเป็นการจ่ายติดต่อกัน 4 ไตรมาสแล้ว สำหรับกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลด์ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iGOLD) และ กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล คอร์ ฟิกซ์ อินคัม (CIMB-PRINCIPAL iFIXED) บลจ.เพิ่งทำการเปิดซื้อขายในช่วงปลายปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัติโนมัติได้ ในปี 2556” นายเจิดพันธุ์กล่าวเสริม
นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล กล่าวว่าภาวะตลาดหุ้นไทยใน 1 — 3 ปีข้างหน้ายังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยกำไรโดยรวมของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยมีแนวโน้มจะทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ดัชนีมีโอกาสที่จะทำลายสถิติสูงสุดเดิมที่ 1,789 จุดในปี 2537 ทั้งนี้ หากมองเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียได้ทำลายสถิติเดิมก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งไปมากแล้ว และมีระดับ P/E Ratio ที่ใช้วัดความถูกแพงที่ 19 และ 16 เท่าตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าระดับ P/E Ratio ของไทยที่ประมาณ 14 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าดัชนีหุ้นบ้านเรายังไม่แพงจนเกินไป อย่างไรก็ตามการลงทุนในตลาดหุ้นย่อมเป็นการลงทุนที่มีความผันผวนสูง ดังนั้นการลงทุนในกองทุนที่มีการจ่ายปันผล หรือรับซื้อคืนอัตโนมัติจะช่วยให้นักลงทุนได้มีโอกาสทำกำไรจากการลงทุน และช่วยลดความผันผวนของเงินลงทุนไปในตัว
“หากดูจากระดับการจ่ายผลตอบแทนที่ 8 -12% ต่อปี ซึ่งมีโอกาสที่จะจ่ายได้อย่างต่อเนื่องหากภาวะตลาดยังเอื้ออำนวยเช่นปัจจุบัน นับว่าเป็นการจ่ายผลตอบแทนที่ไม่น้อยกว่ากองทุน Trigger Fund ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนไทย และจากประวัติที่เราจ่ายผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องตรงวันในทุกไตรมาส ทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวางแผนในการสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ สามารถนำผลตอบแทนจากการลงทุนไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้โดยไม่จำเป็นต้องกันเงินสดสำรองไว้มากนัก คิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นจุดขายที่ดีสำหรับกองทุนในกลุ่ม iFUND Series ของทางซีไอเอ็มบีฯ” นายเจษฎากล่าว
ปัจจุบันกองทุน iFund Series ภายใต้การบริหารของบลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ได้แก่1) CIMB-PRINCIPAL iPROP - อสังหาริมทร้พย์เพื่อรับรายได้จากค่าเช่าอย่างสม่ำเสมอ 2) CIMB-PRINCIPAL iFIXED - ตราสารหนี้สำหรับใช้เป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุน 3) CIMB-PRINCIPAL iDIV - หุ้นปันผลและเติบโตสำหรับเพิ่มมูลค่าเงินลงทุนในระยะยาว 4) CIMB-PRINCIPAL iDAILY- ตราสารหนี้ตลาดเงินสำหรับบริหารสภาพคล่อง 5) CIMB-PRINCIPAL iGOLD - ทองคำเพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวม โดยกองทุน iFUND Series ทุกกองจะมีคุณสมบัติหลักในการมอบทางเลือกให้ผู้ลงทุนผ่านหน่วยลงทุนแบบ Multi Share Class 3 ชนิด คือ 1. Class A -Accumulation เหมาะกับนักลงทุนรายย่อยหรือบริษัทที่ต้องการสะสมมูลค่าโดยนำผลตอบแทนการลงทุนที่ได้ไปลงทุนต่อ 2. Class R -Auto Redemption เหมาะกับนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการรับรายได้แบบสม่ำเสมอผ่านการ Auto Redemption และ 3. Class D -Dividend เหมาะกับการลงทุนของบริษัทจำกัด และสถาบันการเงินที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอในรูปของเงินปันผล (Dividend) ซึ่งถือเป็นอีกนวัตกรรมของกองทุนรวมในการเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้เหมาะกับนักลงทุนแต่ละประเภท