e- BRID Gel นวัตกรรมสู่การเรียนรู้เรื่องฟิลเลอร์

ข่าวทั่วไป Friday April 12, 2013 10:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 เม.ย.--จริงใจครีเอชั่น แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวงการความสวยความงาม แต่เรื่องของฟิวเลอร์ (Filler) ก็ยังคงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายครั้งได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเพียงแค่ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้บริโภค ซึ่งนพ.เกรียงไกร อ่าวอุดมพันธ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม จาก Absolute Klinik 1 ใน 6 ของแพทย์ในประเทศไทยที่ได้ผ่านการอบรมเทคนิคเรื่องฟิลเลอร์โดยเฉพาะจากประเทศเกาหลี พร้อมมาให้ความรู้และมีคำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจในบริการฟิลเลอร์ รวมถึงมาอัพเดทนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของฟิลเลอร์ในเมืองไทยให้ได้ฟังกัน “ หากพูดถึงฟิลเลอร์ (Filler) หลายๆ คนคงคิดว่าเหมือนกันทุกยี่ห้อ แต่ความเป็นจริงแล้วฟิลเลอร์ (Filler) แต่ละยี่ห้อต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยสูงคือฟิลเลอร์ที่ใช้ Hyaluronic Acidเป็นสารประกอบหลัก ปัจจุบันสาร Hyaluronic Acid หรือบางคนเรียกย่อๆ ว่า HA ถือว่าเป็นมาตรฐานในการฉีดฟิลเลอร์ มีความปลอดภัยสูงกว่าเมื่อเทียบกับสารตัวอื่นๆ แต่จะมีราคาสูงกว่าพอสมควร ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงนี้เองจึงทำให้คลินิกเถื่อนหรือหมอกระเป๋าซึ่งแข่งขันในด้านราคา จึงพยายามนำสารอย่างอื่นมาใช้แทน ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก สำหรับสารที่ต้องระวัง ได้แก่สารไม่ปลอดเชื้อที่ห้ามใช้ทางการแพทย์ เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน หรือน้ำมันอื่นๆและสารที่ถูกผลิตมาใช้ฉีดอย่างปลอดเชื้อ มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับ Hyaluronic Acid เพราะเป็นเนื้อเจลใส หากดูด้วยตาไม่สามารถแยกจากสาร Hyaluronic Acid ได้เลย จึงต้องระมัดระวังมาก เช่น คอลลาเจนที่สังเคราะห์จากสัตว์,polyacrylamide , polyamide หลายประเทศมีการนำมาฉีดอย่างแพร่หลายรวมทั้งตามคลินิกในเมืองไทย เพราะมีราคาถูกกว่าสาร HA หลายเท่าตัว และยังคงทนอยู่นานถาวร มีปัญหาแล้วสลายไม่ได้ สารเหล่านี้ไม่ผ่าน อย. เพราะความปลอดภัยไม่เพียงพอ มีโอกาสเกิดปฏิกิริยากับผิวหนังได้สูง สารทั้งสองประเภทนี้เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายซึ่งเป็นสารแปลกปลอมที่ร่างกายไม่ยอมรับ จะทำให้เกิดอาการบวมแดง อักเสบ เนื้อตายอย่างถาวร เกิดปัญหาการเคลื่อนตัวไปยังบริเวณอื่น บิดเบี้ยว เกิดผลข้างเคียงในระยะยาว เกิดเป็นก้อนขรุขระทำให้ผิวไม่เรียบเนียน สารอันตรายนี้จะอยู่ในร่างกายได้นานโดยไม่มีการสลายตัว และไม่สามารถฉีดสลายได้จึงทำให้แก้ไขได้ยากมาก ถึงแม้ว่าตัว Filler ที่ผ่านการรับรองจาก อย.และมีจำหน่ายในประเทศไทยจะมีสารประกอบหลักของ Hyaluronic Acid ที่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือเทคโนโลยีที่ทำให้ Hyaluronic Acid ที่เป็นอิสระ (Free Hyaluronic acid) เชื่อมต่อกันเป็นเจล (Gel) หรือเรียกว่า Cross-Liked Hyaluronic Acid ซึ่งเทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้เกิดความก้าวหน้าของนวัตกรรมฟิลเลอร์ที่ใช้ Hyaluronic Acid เป็นส่วนประกอบหลักเป็นอย่างสูง คือ e- BRID Technology ทั้งนี้เทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้เกิดตัว Cross-Liked Hyaluronic Acid โดยตัว e- BRID Gel จะมีความสมบูรณ์แบบกว่า Filler ที่ใช้เทคโนโลยีรูปแบบอื่นที่มีในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นการคงตัวของฟิลเลอร์ที่มีระยะเวลานาน มีความยืดหยุ่นและความหนืดสูงทำให้ดูเป็นธรรมชาติ สามารถคงตัวอยู่บริเวณที่ฉีดได้ดี มีโอกาสเคลื่อนตัวไปยังบริเวณอื่นได้น้อยมาก ขณะเดียวกันยังเป็น Filler ที่มีโครงสร้างแข็งแรง ถูกทำลายด้วยเอนไซน์ Hyaluranidase ในร่างกายได้ยาก และยังปราศจากสาร BDDE รูปแบบอิสระ ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงจากสารก่อมะเร็ง มั่นใจถึงเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งสิ่งที่ผู้บริโภคต้องทราบเป็นอย่างยิ่งคือปริมาณ Hyaluronic Acid ที่อยู่ในฟิลเลอร์ (Filler) ของแต่ละยี่ห้อนั้น มีปริมานไม่เท่ากัน และฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อก็จะมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตที่แตกต่างกัน เป็นผลทำให้ระยะเวลาในการคงตัวของฟิลเลอร์แต่ละชนิดแตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) หรือการนำพาสารแปลกปลอมอื่นเข้าไปในร่างกาย ผู้บริโภคควรตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยต้องมีการศึกษาข้อมูลเป็นอย่างดี ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจ และเมื่อตัดสินใจทำแล้วต้องคำนึงเสมอว่าต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่สำคัญอีกประการคือเวชภัณฑ์ที่เลือกใช้ต้องผ่านการรับรองความปลอดภัย จาก อย และสามารถเรียกดูเวชภัณฑ์จากคลินิกเวชกรรมได้ และเลือกใช้บริการในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฏหมายและมีใบอนุญาตสถานประกอบการถูกต้องเท่านั้น อย่าลืมพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อเป็นความสวยที่อยู่บนพื้นฐานของความเสี่ยงให้น้อยที่สุดครับ” นพ. เกรียงไกร กล่าวทิ้งท้าย
แท็ก นวัตกรรม  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ