ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท “บ. ทีพีไอ โพลีน” ที่ระดับ “BBB+/Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 25, 2013 10:07 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB+” เช่นกัน ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้เพื่อการขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียน อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับสามของประเทศ และเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก LDPE (LDPE Homopolymer) และ EVA (LDPE Copolymer) รายใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่บริษัทมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมทั้งประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการควบคุมต้นทุนที่บริษัทริเริ่มดำเนินการ และภาระหนี้ที่ต่ำในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมถึงแรงกดดันด้านต้นทุนจากราคาถ่านหินที่ผันผวน ประวัติการระดมทุนผ่านตลาดเงินที่ค่อนข้างสั้นของบริษัทหลังออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ และภาระหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึง การคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาความแข็งแกร่งของธุรกิจปูนซีเมนต์เอาไว้ได้ในระยะปานกลาง อีกทั้งจะยังคงรักษาผลประกอบการในธุรกิจเม็ดพลาสติกในระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 30% ในระยะปานกลาง บริษัททีพีไอ โพลีน ก่อตั้งในปี 2530 โดยตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ โดย ณ เดือนมีนาคม 2556 ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นประมาณ 56% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด บริษัทดำเนินธุรกิจ 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตปูนซีเมนต์ (ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์และคอนกรีต) และธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติก บริษัทมีรายได้ในปี 2555 อยู่ที่ 2.78 หมื่นล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์คิดเป็น 68% ของรายได้รวม ส่วนรายได้จากธุรกิจเม็ดพลาสติกคิดเป็น 26% บริษัทเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับสามของประเทศ โดยมีกำลังผลิตที่ 9 ล้านตันต่อปี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมาค่อนข้างคงที่ที่ประมาณ 18% บริษัทมีสายการผลิตปูนซีเมนต์ครบวงจรตั้งแต่การผลิตปูนเม็ด ปูนซีเมนต์ ปูนสำเร็จรูป และคอนกรีต โดยความต่อเนื่องในสายการผลิตปูนซีเมนต์ทำให้บริษัทได้รับประโยชน์จากการประหยัดจากขนาดและมีโครงสร้างต้นทุนที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินที่ผันผวนถือเป็นความเสี่ยงสำคัญในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ บริษัทเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก LDPE และ EVA รายใหญ่ของประเทศด้วยกำลังการผลิตที่ 158,000 ตันต่อปี ในปี 2555 บริษัทมีสัดส่วนทางการตลาดในประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์ LDPE อยู่ที่ 20% และปัจจุบันเป็นผู้ผลิต EVA รายเดียวในประเทศ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเม็ดพลาสติกของบริษัทมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทซื้อวัตถุดิบ Ethylene จากผู้จำหน่ายเพียงรายเดียว รวมทั้งมีความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ตลอดจนความท้าทายจากสินค้าทดแทน การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี และการแข่งขันจากผู้ผลิตทั่วโลก อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงประโยชน์จากการประกอบธุรกิจที่หลากหลาย โดยรายได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์ที่อาจผันผวนตามเศรษฐกิจในประเทศจะถ่วงดุลกับรายได้จากต่างประเทศจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ EVA นอกจากนี้ หากราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกปรับเพิ่มขึ้น ผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตปูนซีเมนต์ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นจากราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน ปัจจัยลบดังกล่าวก็อาจลดลงได้บางส่วนโดยธุรกิจเม็ดพลาสติกน่าจะได้รับจากอานิสงส์จากกรณีที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้น อันดับเครดิตของบริษัทมีข้อจำกัดบางส่วนจากประวัติการระดมทุนผ่านตลาดเงินที่ค่อนข้างสั้นหลังจากที่บริษัทออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ทั้งนี้ การผิดนัดชำระหนี้และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในอดีตเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าความสัมพันธ์ระหว่างบริษัททั้งกับสถาบันการเงินไทยและสถาบันการเงินต่างประเทศมีแนวโน้มพัฒนาดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงในปี 2555 เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสี่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทปรับลดลงอย่างมากจากแรงกดดันด้านราคาและต้นทุนที่ผันผวนในธุรกิจเม็ดพลาสติก ณ สิ้นปี 2555 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ 6.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับระดับอันดับเครดิตของบริษัท อย่างไรก็ตาม การประเมินอันดับเครดิตของบริษัทยังพิจารณารวมถึงประมาณการภาระหนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้าด้วย โดยเฉพาะโครงการขยายโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 มูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยการลงทุนในโรงงานผลิตปูนซีเมนต์แห่งที่ 4 ทำให้บริษัทสามารถระงับข้อพิพาทกับเจ้าหนี้ต่างประเทศ 2 รายในเดือนมีนาคม 2556 และไม่มีความเสี่ยงด้านหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นมูลค่า 1.9 พันล้านบาทและดอกเบี้ยที่ 7.5% ต่อปีจากกรณีดังกล่าวที่มีมาตั้งแต่ปี 2544 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีความเสี่ยงด้านการตลาดในระยะปานกลาง ทั้งนี้ ผลกระทบจากปริมาณปูนซีเมนต์ที่จะเข้าสู่ตลาดอีก 4 ล้านตันที่จะมีต่ออุตสาหกรรมทั้งในด้านการแข่งขันและแรงกดดันต่อราคาปูนซีเมนต์นั้นยังไม่สามารถประเมินได้อย่างชัดเจนในเวลานี้ ฐานะการเงินของบริษัทสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและสม่ำเสมอ ทริสเรทติ้งมองว่าเงินทุนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งช่วยเกื้อหนุนให้บริษัทมีสภาพคล่องที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตโดยพิจารณาจากสภาพคล่องที่คาดว่าจะลดลงในอนาคตหลังจากที่ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) อันดับเครดิตองค์กร: BBB+ อันดับเครดิตตราสารหนี้: หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ