กรุงเทพฯ--26 เม.ย.--ไทยคม
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความไว้วางใจในการต่อสัญญาเช่าใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์เพิ่มอีก 8 ปี ตั้งแต่ปี 2556 —2564 และเป็นการขยายปริมาณการใช้งานเพิ่มเติม เพื่อเสริมศักยภาพความเป็นผู้นำด้านธุรกิจบรอดแบนด์ของทีโอทีในประเทศไทย รองรับการให้บริการสาธารณประโยชน์ในโครงการภาครัฐครอบคลุมทั่วประเทศ โดยทีโอทียังคงได้รับสิทธิ์เป็นผู้ให้บริการหลักของดาวเทียมไอพีสตาร์แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม กล่าวว่า “ไทยคม ขอขอบคุณทีโอที ที่ได้ให้ความไว้วางใจในการต่ออายุสัญญาเช่าใช้บริการดาวเทียมไอพีสตาร์ โดยไทยคมมีความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของระบบไอพีสตาร์ว่าจะช่วยรองรับ และสนับสนุนการให้บริการในโครงการต่างๆ ที่สำคัญของภาครัฐ โดยบริการช่องสัญญาณดิจิตอลดาวเทียมไอพีสตาร์จะช่วยเพิ่มศักยภาพการให้บริการของทีโอทีได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาทีโอทีได้เช่าใช้ช่องสัญญาณไอพีสตาร์ ถึง 7 ปี (ตั้งแต่ปี 2548-2555) นับเป็นบทพิสูจน์ที่ดีเยี่ยมถึงประสิทธิภาพของไอพีสตาร์ ในการช่วยส่งเสริมให้โครงการในภาครัฐหลายโครงการประสบความสำเร็จ เช่น โครงการ MOENet เป็นต้น ส่งผลให้ทีโอทีมีความมั่นใจ และลงนามในสัญญาต่อไปอีก 8 ปี โดยเป็นการขยายปริมาณการใช้งานเพิ่มเติม และคาดว่าจะมีการใช้งานจนเต็มปริมาณช่องสัญญาณที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทยในไม่ช้า”
“การต่อสัญญาระหว่าง บมจ.ไทยคม และ บมจ.ทีโอที ในครั้งนี้ ส่งผลให้ไทยคม สามารถบรรลุเป้าหมายที่สำคัญ ด้วยการเพิ่มปริมาณการใช้งานช่องสัญญาณไอพีสตาร์ให้มากขึ้น อยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าจุดคุ้มทุนของโครงการไอพีสตาร์ไปมาก โดยปัจจุบันมีการใช้งานไอพีสตาร์โดยรวมแล้วถึง 53%” นางศุภจีกล่าวเพิ่มเติม
นายยงยุทธ วัฒนสินธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นโยบายหลักของทีโอที คือ การก้าวสู่ศูนย์กลางโทรคมนาคมอาเซียน ดังนั้น การให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียม จึงเป็นหนึ่งในบริการที่จะทำให้ทีโอทีมีบริการที่ครบวงจร และมีส่วนช่วยในการสนับสนุนให้ประเทศไทยพร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ดังนั้น ทีโอทีจึงได้ดำเนินการต่อสัญญาเพื่อเช่าใช้ช่องสัญญาณดาวเทียม
ไอพีสตาร์ไปอีก 8 ปี โดยช่องสัญญาณดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพในการให้บริการ และรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจธุรกิจบรอดแบนด์ของทีโอทีในประเทศไทย
นอกจากนี้ ทีโอทีจะใช้ช่องสัญญาณที่ขยายเพิ่มเติมในการขยายโอกาสทางธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มในโครงการภาครัฐและภาคธุรกิจ โดยการสื่อสารผ่านดาวเทียมมีจุดเด่นในการให้บริการในพื้นที่ที่การติดต่อสื่อสารยังไม่ทั่วถึงทั้งภายในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการ ยกระดับคุณภาพบริการทั้งโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต อีกทั้ง ทีโอทีพร้อมที่จะให้บริการในโครงการต่างๆ ของภาครัฐได้อย่างทันท่วงที อาทิ การให้บริการในโครงการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (USO: Universal Service Obligation), การเชื่อมต่อโครงข่ายโทรศัพท์ 3G สำหรับการให้บริการในถิ่นทุรกันดาร, โครงการ One Tablet Per Child (OTPC) ของกระทรวงไอซีที, โครงการกองทุนหมู่บ้าน รวมถึงโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล เป็นต้น อันจะเป็นการสร้างประโยชน์นานับประการให้กับประเทศไทย และเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งของระบบโทรคมนาคมไทยที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต” นายยงยุทธกล่าวเพิ่มเติม