ร่มไม้-ชายคา ภูมิปัญญาแบบไทย: มุมมองด้านอนุรักษ์พลังงาน

ข่าวทั่วไป Thursday December 24, 1998 11:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--24 ธ.ค.--สพช.
ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนก็มักจะเห็นตามอาคารบ้านเรือนต่างๆ ติดแอร์กันเต็มไปหมดเหมือนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว โดยเฉพาะในเมืองป่าคอนกรีตด้วยแล้ว อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ก็สร้างตามแบบฝรั่ง ความร้อนจึงสะสมอยู่ตามถนนและอาคารคอนกรีต จนร้อนอบอ้าวกันไปหมดทางออกสุดท้ายที่ทุกบ้านต่างเลือกก็คือการติดแอร์ ยอมเสียค่าไฟฟ้าเพื่อความเย็นสบาย โดยลืมไปว่าความร้อนที่ต้องการกำจัดออกไปจากบ้านนั้นมีที่มาจากการสร้างบ้านที่ไม่เหมาะสม และไม่มีร่มไม้ช่วยบังแสงแดดและให้ความเย็น
เรื่องการสร้างบ้านให้อยู่สบายนั้น บรรพบุรุษของไทยเราได้ทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติทางภูมิปัญญา มีการออกแบบอย่างละเอียดรอบคอบที่สุดเหมาะกับสภาพภูมิอากาศเขตร้อนอย่างเมืองไทย ก็บ้านทรงไทยที่พอมีให้เห็นอยู่บ้างในปัจจุบัน ที่สมควรนำมาปรับใช้ด้านการอนุรักษ์พลังงาน เช่น การสร้างหลังคาทรงสูง เพื่อการระบายความร้อนที่ดี และการสร้างชายคาบ้านยื่นยาวและหลุบต่ำเพื่อป้องกันแสงแดดตกระทบผนังบ้านหรือการสร้างหน้าต่างที่ต่ำทำให้ลมถ่ายเทได้สะดวก เป็นต้น
ภูมิปัญญาเหล่านี้เกิดขึ้นเพื่อทำให้บ้านเย็นสบายนั่นเองซึ่งน่าจะนำมาปรับใช้เพื่อให้มีการใช้พลังงานที่น้อยลงสอดคล้องกับกระแสอนุรักษ์พลังงานในปัจจุบันได้เป็นอย่างดีอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้อาคารบ้านเรือนเย็นสบาย ก็คือสิ่งธรรมดาๆ ที่ถูกลืม นั่นคือ "ต้นไม้" ซึ่งมีส่วนช่วยให้ความเย็นแก่อาคารบ้านเรือนได้มาก โดยการคายน้ำและดูดซับความร้อน การให้ร่มเงาป้องกันความร้อนและการป้องกันไม่ให้แสงกระทบพื้นผิวอันเป็นสาเหตุของการสะสมความร้อน เป็นต้น ซึ่งสามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เช่น ผนังอาคารที่มีต้นไม้ช่วยบังแสงแดดจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าผนังอาคารที่รับแสงแดดโดย ตรงถึง 8 องศาเซลเซียส นอกจากนั้นต้นไม้ยังมีประโยชน์ในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และปล่อยก๊าซออกซิเจนให้อีกด้วย
ในมุมมองของการประหยัดพลังงาน ต้นไม้ (โดยเฉพาะในเขตเมือง) มีส่วนช่วยให้บ้านเรือนเย็นสบาย จึงลดความจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องปรับอากาศหรือแม้กระทั่งพัดลมได้ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้เพื่อให้ความเย็นแก่อาคารบ้านเรือนที่มีประโยชน์ด้านอนุรักษ์พลังงานอย่างมาก
ทิศทางในการปลูกต้นไม้เพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านการประหยัดพลังงาน ควรปลูกด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซึ่งเป็นด้านที่ได้รับแสงแดดมากที่สุด เพื่อป้องกันแสงแดดตกกระทบผนังและหลังคาส่วนทิศเหนือควรหลีกเลี่ยงการปลูกต้นไม้ที่ร่มครึ้มเกินไป เนื่องจากเป็นด้านที่ไม่ได้รับแสงแดดโดยตรง ดังนั้นจึงควรเปิดให้อาคารทางทิศเหนือเป็นด้านที่ใช้ประโยชน์จากแสงจากธรรมชาติ โดยการทำช่องแสงให้ความสว่างภายในอาคาร ก็จะช่วยลดการใช้ไฟแสงสว่างในอาคารได้ สำหรับบ้านที่อยู่ในภาคเหนือ ควรเปิดให้ส่วนของอาคารทิศใต้ได้รับแสงแดด เพื่อความอบอุ่นในฤดูหนาวต้นไม้เล็กหรือใหญ่ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ในการให้ความเย็นแก่อาคารทั้งนั้น แม้แต่ไม้เล็กๆที่ปลูกเป็นไม้ประดับหรือคลุมดินก็ช่วยลดการสะสมความร้อนตามทางเดิน ถนน และระเบียงได้ หากเป็นไม้ใหญ่ก็จะให้ร่มไม้ซึ่งช่วยป้องกันและกรองแสงแดดก่อนตกกระทบตัวอาคารและหลังคาได้ ส่วนความเชื่อเกี่ยวกับการห้ามปลูกต้นไม้ใหญ่ใกล้ตัวบ้านนั้นคนโบราณคงกลัวกิ่งก้านหักใส่หลังคาหรือต้นไม้ล้มทับบ้านได้ดังนั้นจึงควรปลูกต้นไม้ที่มีกิ่งก้านแข็งแรง ทนแรงปะทะของลมและฝนได้ดี มีรากแทงลึกในแนวดิ่งจะได้ไม่ทำลายตัวอาคาร ส่วนการจะปลูกต้นอะไร ก็แล้วแต่ความชอบของท่านเจ้าของบ้านหากคิดไม่ออกก็ขอแนะนำไม้ผลต่างๆ ของไทย เช่น มะม่วง ขนุน มะยม นอกจากได้ร่มไม้ บ้านเย็นสบายน่าอยู่อาศัย ประหยัดพลังงานแล้วยังได้ผลไม้อีกด้วย คิดจะประหยัดพลังงานแล้ว อย่าลืมประโยชน์ของร่มไม้และชายคา ภูมิปัญญาของไทย
ติดต่อสอบถาม : ศูนย์ประชาสัมพันธ์ "รวมพลังหาร 2" สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สพช.) 394 / 14 ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทรศัพท์ 280-5820 , 280 - 0951 - 7 , 628-7745-53 ต่อ 142, 144 โทรสาร280 - 5821 ข้อมูลผ่านโทรสารอัตโนมัติ 280 - 5823--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ