เอชพีเปิดตัวโซลูชั่น Software-defined Network (SDN) Fabric สำหรับระบบคลาวด์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ข่าวเทคโนโลยี Monday May 13, 2013 11:41 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ ขับเคลื่อนระบบเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ทำงานได้โดยอัตโนมัติ สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น และปรับขยายได้มากขึ้น เอชพี ประกาศเปิดตัวโซลูชั่นเน็ตเวิร์คแฟบริค (network fabric) สำหรับระบบดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่สุดล้ำที่พัฒนาบนสถาปัตยกรรม HP FlexNetwork เพิ่มความคล่องตัวให้แก่ลูกค้าในการทำธุรกิจต่างๆ โดยมีสมรรถนะในการปรับขยายเพิ่มขึ้น 2 เท่า (1) และมีความซับซ้อนลดลงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับระบบ Network Fabrics ที่ใช้ในปัจจุบัน(2) ทั้งยังลดระยะเวลาที่ใช้ในการทำ network provisioning จากเป็นเดือนเหลือเพียงไม่กี่นาที( 3) ในขณะที่องค์กรกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่สภาพแวดล้อมแบบคลาวด์ สถาปัตยกรรมเครือข่ายแบบเดิมไม่สามารถเผชิญแรงกดดันเพื่อให้เข้าใช้แอพพลิเคชั่นและบริการต่างๆ ได้อย่างทันที เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่เปี่ยมคุณภาพแก่ผู้ใช้งาน ขณะเดียวกัน องค์กรต่างๆ ต้องเผชิญความซับซ้อนในการออกแบบระบบเน็ตเวิร์คแฟบริคสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งต้องมีการตั้งค่าระบบสำหรับอุปกรณ์แต่ละตัวแบบแมนวล และมีข้อจำกัดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่นที่ใช้แบนด์วิธสูง เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้ เอชพีจึงนำเสนออุปกรณ์สวิตช์ SDN (software-defined network) ที่ช่วยควบคุมให้ระบบเครือข่ายของดาต้าเซ็นเตอร์ทำงานได้อย่างอัตโนมัติและมีสมรรถนะในการปรับขยายได้สูง รองรับแอพพลิเคชั่นที่ใช้แบนด์วิธสูง อาทิ Hadoop(4) ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ โซลูชั่นใหม่ดังกล่าวยังรวมถึงอุปกรณ์สวิตช์ HP FlexFabric 12900 ใหม่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวิตช์หลักแบบ OpenFlow ชนิดแรกในวงการไอทีที่สามารถปรับขยายให้ตรงกับความต้องการของปริมาณงานแบบเวอร์ช่วลที่เพิ่มขึ้น (4) มร. อาโมล มิตรา รองประธาน หน่วยธุรกิจ HP Networking เอชพี ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ระบบเครือข่ายสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ไม่สามารถรองรับความต้องการใหม่ๆ ในการใช้ระบบคลาวด์ เวอร์ชวลไลเซชั่น และบิ๊กดาต้าขององค์กรต่างๆ ทั้งนี้ มีเพียงเอชพีเท่านั้นที่ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมเน็ตเวิร์ค SDN Fabric สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำดังกล่าวนี้ จะสามารถช่วยลูกค้าวางรากฐานด้านระบบเครือข่ายที่ตรงตามความต้องการในปัจจุบัน และที่จะมีขึ้นในอนาคต” สนับสนุนการออกแบบและการทำงานของระบบเครือข่ายให้เป็นไปอย่างง่ายดายโซลูชั่น HP Networking ใหม่ จะช่วยให้การออกแบบและการทำงานของระบบเครือข่ายเป็นไปได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งช่วยลูกค้าให้ได้รับประโยชน์ดังต่อไปนี้ ? เพิ่มสมรรถนะการทำงานของระบบไอที โดยผนวกรวมแฟบริคทั้งแบบเวอร์ช่วลและแบบปกติ ร่วมกับซอฟท์แวร์ HP FlexFabric Virtual Switch 5900v ใหม่ ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับอุปกรณ์สวิตช์ HP FlexFabric 5900 จะทำให้ระบบเครือข่ายมีฟังก์ชั่นการทำงานสุดล้ำ เช่น การกำหนดนโยบายและคุณภาพการให้บริการในสภาพแวดล้อม VMware เป็นต้น นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยี Virtual Ethernet Port Aggregator (VEPA) ทำให้สามารถแยกการบริหารเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่ายออกจากกัน เพื่อทำให้การทำงานมีความสะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น ? ลดพื้นที่ของดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยอุปกรณ์เร้าเตอร์ HP Virtualized Services Router (VSR) ซึ่งทำให้การให้บริการด้านต่างๆ สามารถทำได้บนระบบอุปกรณ์เสมือน (Virtual Machine) ทั้งยังช่วยลดการใช้ฮาร์ดแวร์ที่ไม่จำเป็น ด้วยการใช้โซลูชั่น Network Function Virtualization (NFV) (4) ชนิดแรกในวงการไอทีที่พัฒนาจากซอฟท์แวร์เสถียรภาพและสมรรถนะสูง มร.โรหิท เมห์รา รองประธานด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่าย (Network Infrastructure) ไอดีซี กล่าวว่า “ระบบเครือข่ายของดาต้าเซ็นเตอร์ในปัจจุบันไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก ยังค่อนข้างมีข้อจำกัดในเรื่องขีดความสามารถในการปรับขยายขนาด อีกทั้งยังมีความซับซ้อนและต้องมีตั้งค่าระบบแบบแมนวลเพื่อรองรับระบบสำหรับแอพพลิเคชั่นแบบคลาวด์และเวอร์ช่วลไลเซชั่น ทั้งนี้ พอร์ทโฟลิโออุปกรณ์สวิตช์ทั้งแบบเวอร์ช่วลและแบบปกติ รวมทั้งโซลูชั่นเน็ตเวิร์คแฟบริคที่สนับสนุนเทคโนโลยี SDN ของเอชพี สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้โดยช่วยให้ระบบเครื่องลูกข่ายสามารถทำงานได้อย่างง่ายดาย โดยอัตโนมัติและปรับขยายได้ เพื่อรองรับบริการและแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่นำมาใช้กับดาต้าเซ็นเตอร์ได้” ปรับขยายระบบดาต้าเซ็นเตอร์แฟบริค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้แอพพลิเคชั่นโซลูชั่น HP FlexFabric ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การใช้แอพพลิเคชั่นให้แก่ผู้ใช้งานและมอบคุณประโยชน์ให้แก่ลูกค้า ดังนี้ - เพิ่มการสนับสนุนเพื่อรองรับแอพพลิเคชั่นที่ใช้ข้อมูลมากและมีความซับซ้อนด้วยอุปกรณ์สวิตช์รุ่น HP FlexFabric 12900 switch series ที่ใช้เทคโนโลยีเครือข่าย TRILL (Transparent Interconnection of Lots of Links) ระดับมาตรฐานที่ติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์สวิตช์ ทำให้สามารถบริหารอุปกรณ์ที่ใช้แบนด์วิธสูง ทั้งนี้ อุปกรณ์สวิตช์รุ่น HP FlexFabric 12900 switch series สามารถส่งข้อมูลข้ามเครือข่ายได้มากขึ้น 3 เท่า ต่อ 1 พอร์ทอีเทอร์เน็ตขนาด 40 กิกะไบท์ (GbE) เมื่อเทียบกับบริษัทชั้นนำอื่นๆ (4) - เพิ่มสมรรถนะของแอพพลิเคชั่นแบบเวอร์ช่วลสูงสุดถึงร้อยละ 50(5) ด้วยอุปกรณ์สวิตช์รุ่น HP FlexFabric 11908 ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวิตช์แบบผนวกที่ทำงานบนระบบ OpenFlow ชนิดแรกในวงการไอที(4) อุปกรณ์สวิตช์รุ่น HP FlexFabric 11908 สามารถสนับสนุนการเชื่อมต่อ 10/40 กิกะไบท์ (GbE) บนอุปกรณ์เบลดเซิร์ฟเวอร์ อาทิ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ HP c-Class และโมดูล Virtual Connect FlexFabric เข้าไว้ด้วยกัน ส่งผลให้การใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์มีความยืดหยุ่นและคุ้มค่า - เพิ่มความยืดหยุ่นด้วยอุปกรณ์เร้าเตอร์ HP HSR 6800 router series ซึ่งผนวกรวมการทำเร้าติ้ง ไฟร์วอลล์ สวิตชิ่ง และระบบรักษาความปลอดภัยที่มีสมรรถนะสูงกว่าโซลูชั่นอื่นๆ ถึง 5 เท่า(6) เข้าไว้ด้วยกันในอุปกรณ์ตัวเดียวที่รองรับผู้ใช้งานได้หลายพันคน คริสติน่า ดูบ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่าย Bridge Functions ห้องปฏิบัติการ InterOperability Lab มหาวิทยาลัยนิวแฮมป์เชียร์ กล่าวว่า “ที่ห้องปฎิบัติการ InterOperability Lab ของมหาวิทยาลัยนิวแฮมป์เชียร์ เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ระบบเครือข่ายให้มีขีดความสามารถในการทำงานร่วมกันได้และตรงตามมาตรฐานต่างๆ ของอุตสาหกรรมไอทีภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นอิสระและมีความเป็นกลาง ทั้งนี้ ในห้องปฎิบัติการที่รองรับผู้จำหน่ายหลากหลายราย เราได้ทดสอบสมรรถนะในการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยี TRILL ที่ตรงตามมาตรฐานชนิดแรกของวงการไอทีและซอฟท์แวร์ Comware 7 สำหรับอุปกรณ์สวิตช์ ภายใต้พอร์ทโฟลิโอ HP FlexFabric” มร.มาซากิ ฮายาชิ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท IDC Frontier ในเครือของ Yahoo! ญี่ปุ่น กล่าวว่า “การสนับสนุนโซลูชั่นเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นและสามารถปรับขยายการใช้งานและบริการของระบบลูกข่ายในดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัท คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนธุรกิจของเราให้ประสบความสำเร็จ เราได้พิจารณาเทคโนโลยีหลากหลายประเภท และได้เลือกเอชพีให้เป็นผู้ออกแบบโซลูชั่นเน็ตเวิร์คแฟบริคสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทำงานบนนวัตกรรมเทคโนโลยี TRILL ระดับมาตรฐาน เพื่อให้บริการคลาวด์แบบสาธารณะที่โดดเด่น มีสมรรถนะสูง และมีขนาดใหญ่มากในทุกระบบดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัททั่วประเทศญี่ปุ่น” สนับสนุนระบบเครือข่ายให้ทำงานโดยอัตโนมัติด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีการจัดการและ SDN ด้วยระบบการจัดการจากหน้าจอเดียวอันโดดเด่นของเอชพี ทำให้การให้บริการและแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนอุปกรณ์เครือข่ายแบบเดิมและที่สนับสนุนเทคโนโลยี SDN จากดาต้าเซ็นเตอร์ไปยังแคมปัสและสำนักงานสาขาต่างๆ เป็นไปโดยอัตโนมัติและอย่างรวดเร็ว โดยช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์ดังนี้ - เพิ่มสมรรถนะของแอพพลิเคชั่น ด้วยเทมเพลท (templates) การให้บริการระบบเครือข่ายที่มีการตั้งค่าระบบเครือข่ายโดยอัตโนมัติและอย่างง่ายดาย สามารถรองรับแอพพลิเคชั่นตั้งแต่ระบบลูกข่ายจนถึงแม่ข่าย โดยใช้ซอฟท์แวร์ HP Intelligent Management Center (IMC) Virtual Application Network Resource Automation Manager - สนับสนุนการจัดการการทำงานของโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่าย SDN และระบบเครือข่ายแบบเดิมให้เป็นไปอย่างง่ายดาย ด้วยซอฟท์แวร์ HP IMC SDN Manager ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์แอพพลิเคชั่นเพื่อการตั้งค่าระบบ การติดตามผล และการจัดการนโยบาย ที่สมบูรณ์แบบชนิดแรกในอุตสาหกรรมไอที โดยสามารถทำงานครอบคลุมระบบเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ สำนักงานสาขา และแคมปัสต่างๆ ได้เป็นอย่างดี(4) มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจหน่วยบริการ HP Technology Services ช่วยลูกค้าพัฒนาและบริหารระบบเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ซึ่งมีความซับซ้อน เพื่อจัดสรรทรัพยากรในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและขับเคลื่อนธุรกิจต่างๆ ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง บริการใหม่ๆ ดังกล่าว ได้แก่ - บริการ HP Connectivity Transformation Experience Workshop — ช่วยลูกค้าปรับขยายระบบเครือข่ายให้มีความคล่องตัว และวางกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนระบบเครือข่ายให้สอดคล้องตรงตามเป้าหมายของฝ่ายไอทีและธุรกิจ - บริการ HP IPv6 Roadmap Service — บริการที่ปรึกษาที่มากประสบการณ์เพื่อช่วยพัฒนาและวางโรดแม็ปการเปลี่ยนแปลงเป็นระบบ IPv6 โดยพิจารณาปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวรวม 6 ประการได้แก่ ระบบเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบโครงสร้างพื้นฐาน แอพพลิเคชั่น การกำกับดูแล และการเงิน - บริการ HP Datacenter Care for Networking — บริการและการสนับสนุนจากจุดเดียวเพื่อช่วยลูกค้าแก้ไขปัญหาระบบเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งพัฒนาระบบเครือข่ายให้ตรงกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของธุรกิจต่างๆ และยังลดงานด้านการจัดการระบบไอที ซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายไอทีให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีได้ดียิ่งขึ้น เอชพี ในงานประชุม Interop Tokyo 2013 เอชพีจะสาธิตผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่สนับสนุนสถาปัตยกรรม HP FlexNetwork ในงาน Interop Tokyo ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่12 — 14 มิถุนายน 2556 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ Makuhari Messe ที่บูธ 4C10 โดยมี มร.ไมค์ เบนิค รองประธานด้าน Global Marketing หน่วยธุรกิจ HP Networking ขึ้นกล่าวคำปราศรัยในงานดังกล่าวในวันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน 2556 เวลา 10.30 น. การจัดจำหน่าย - อุปกรณ์สวิตช์ HP FlexFabric Virtual Switch 5900v คาดว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนตุลาคมนี้ - อุปกรณ์สวิตช์ HP FlexFabric 5900 switch series มีวางจำหน่ายแล้ว - อุปกรณ์เร้าเตอร์ HP Virtualized Services router series คาดว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลกในครึ่งหลังของปี 2556 - อุปกรณ์สวิตช์ HP FlexFabric 12900 switch คาดว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนตุลาคมนี้ - อุปกรณ์สวิตช์ HP FlexFabric 11908 switch คาดว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนมิถุนายนนี้ - อุปกรณ์เร้าเตอร์ HP HSR 6800 router series มีวางจำหน่ายแล้วทั่วโลก - โซลูชั่น HP IMC Virtual Application Network Resource Automation Manager คาดว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนธันวาคมนี้ - โซลูชั่น HP IMC SDN Manager คาดว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนธันวาคมนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่น HP Networking สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.hp.com/go/networking เอชพี มีกำหนดจัดงานให้กับลูกค้าระดับพรีเมียร์ ได้แก่ งาน HP Discover ระหว่างวันที่ 10 — 12 มิถุนายน 2556 ณ เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา และงาน HP World Tour ระหว่างวันที่ 24 — 25 มิถุนายน 2556 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ข้อมูลเกี่ยวกับเอชพี เอชพีสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เป็นจริง ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภค ธุรกิจ ภาครัฐ และสังคมได้เป็นอย่างมาก เอชพีเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลกที่นำเสนอพอร์ทโฟลิโอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ เครื่องพิมพ์ คอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ บริการต่างๆ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอที เพื่อขจัดปัญหาของลูกค้าได้อย่างตรงจุด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เอชพี (NYSE: HPQ) สามารถเข้าชมได้ที่ http://www.hp.com (1) HP FlexFabric design using TRILL and IRF reduces operational complexity by up to 4:1. (2) Based on HP FlexFabric 24,000 port design vs. Juniper Qfabric 6,000 port or Cisco FabricPath 12,000 port design. (3) HP internal comparative analysis when having to provision networks via CLI vs. using HP Virtual Applications Networks. (4) Based on HP internal research. (5) HP FlexFabric 11908 compared with Nexus 7010. (6) Based on HP internal comparative analysis of publicly available data from major competitors.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ