นายอเลจันโดร เอกัก ย้ำ FIA Formula E Championship 2014 จัดแน่นอน ณ? ประเทศไทย ปลายปีหน้า

ข่าวกีฬา Thursday May 23, 2013 10:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--Market-Comms เมื่อเร็วๆ นี้ นาย อเลจันโดร เอกัก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์มูลา อี โฮลดิ้งส์ (Formula E Holdings) ได้จัดงานเปิดตัวนวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต Formula E จากประเทศอังกฤษ เป็นรถแข่งระบบไฟฟ้าต้นแบบคันแรก คันเดียว นำมาจัดแสดงในประเทศไทยเป็นแห่งแรกในเอเชีย ขณะเดียวกัน ฟอร์มูลา อี โฮลดิ้งส์ (Formula E Holdings) ในฐานะผู้จัดงาน FIA Formula E Championship 2014 ได้ประกาศให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 10 เมืองจากทั่วโลก ใช้เป็นสนามจัดการแข่งขันและเป็นเจ้าภาพร่วม เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา ในปี พ.ศ. 2556 โดยมีแผนที่จะมีการสาธิตขับจริงโดยนักแข่งรถระดับโลก นาย ลูคัส ดิ กราสซี่ (Mr. Lucas Di Grassi) ในช่วงปลายปี นวัตกรรมล่าสุดที่นำมาใช้ในการผลิตและจัดแสดงครั้งนี้ ถือเป็นเทคโนโลยีล่าสุดแห่งทศวรรษ คือ Formula E เครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยใช้ Spark Racing Technology ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น ได้แก่ ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น การออกแบบที่สวยงามมากยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในการผลิตและน้ำหนักของรถที่น้อยลง แต่มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น สมรรถนะ Formula E สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในระยะเวลา 3 วินาที ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระดับความดังของเครื่องยนต์ เพียง 80dB (รถยนต์ปกติ 70 dB รถขนส่งมวลชนหรือรถบัส 90 dB) น้ำหนักรถรวมนักขับ 780 กิโลกรัม เมืื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุดสามารถวิ่งได้ประมาณ? 20-25 นาที เทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า Formula E สำหรับยานยนต์นี้ จะถูกนำมาใช้เป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ในอนาคต หรืออาจกล่าวได้ว่า รถยนต์ในแต่ละค่าย จะต้องนำพลังงานไฟฟ้ามาพัฒนาใช้ในระบบขับเคลื่อนยนต์เพิ่มมากขึ้น เกี่ยวกับ FIA Formula E Championship Formula E เป็นรายการแข่งขันใหม่ล่าสุดที่ได้การรับรองจาก FIA เป็นการแข่งขันรถยนต์ความเร็วสูงพลังงานไฟฟ้า สะท้อนวิสัยทัศน์และนวัตกรรมยานยนต์ในอนาคต โดยการแข่งขันจะเกิดขึ้นในเมืองชั้นนำจากทั่วโลก รอบพื้นที่สัญลักษณ์ประจำแต่ละเมือง ทั้งนี้ การขับสาธิตจะเริ่มต้นในปี พ.ศ.?2556 จนถึงวันแข่งขันในปี พ.ศ.?2557 ซึ่งมีทีมที่เข้าร่วมแข่งขันจำนวน 10 ทีมๆ ละ 2 คน ในการแข่งขันครั้งนี้ FIA ไม่ได้มองว่าเป็นแค่เพียงการส่งเสริมการแข่งขันกีฬาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสานต่อคุณค่าและเจตนารมณ์สู่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดย Formula E จะเป็นกลจักรสำคัญสร้างความตระหนักต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้เกิดการวิจัยและพัฒนา นำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาคอุตสาหกรรม ให้คนทั่วไปได้มีโอกาสใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มระบบ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและโลกอย่างแท้จริง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ