กรุงเทพฯ--28 พ.ค.--กบข.
กบข. จัดงานประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก รายงานผลการดำเนินงานปี 2555 มีสินทรัพย์สุทธิ 577,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และผลประโยชน์สุทธิ 35,408 ล้านบาท จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น รับอานิสงส์สภาพคล่องล้นระบบ ส่งผลให้ผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้นโดดเด่น ส่วนปี 56 เตรียมเดินหน้าการลงทุนเชิงรุก เน้นลงทุนหุ้นไทยและโลก — การลงทุนทางเลือก หลังเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.จัดงานประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกในวันที่ 27 พฤษภาคม 2556 ณ โรงแรม รามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ เพื่อรายงานฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของกองทุนประจำปี 2555 โดยมีผู้แทนสมาชิก กบข. จากหน่วยงานราชการทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเข้าร่วมประชุมกว่า 500 คน
สำหรับฐานะการเงินปี 2555 กบข. มีสินทรัพย์สุทธิ ณ สิ้นปี อยู่ที่ 577,132 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54,675 ล้านบาท หรือ 10.46% จากปี 2554 จากเงินรับสมาชิก 31,067 ล้านบาท และผลประโยชน์สุทธิในปี 2555 เพิ่มขึ้น 35,408 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มจากปีที่แล้ว 20,211 ล้านบาท หรือ 133 % หลังจากภาวะการลงทุนปี 2555 ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการผ่อนปรนนโยบายทางการเงินและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศพัฒนา ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นจึงเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ด้วยเหตุนี้ราคาหุ้นและกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของไทยจึงปรับตัวสูงขึ้นมาก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับการดำเนินกลยุทธ์ลงทุนของ กบข. ที่เน้นการลงทุนในหุ้นไทยและโลก และขยายการลงทุนเพิ่มในโครงสร้างพื้นฐานโลกซึ่งให้ผลตอบแทนที่อยู่ในเกณฑ์ดีและช่วยกระจายความเสี่ยง เป็นผลให้ผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ย 16 ปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ปี 2540 — 2555) อยู่ที่ 7.04% สูงกว่าเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 3.01% ตามเป้าหมายการลงทุนระยะยาวของ กบข.
“ปี 2556 กบข.จะเน้นความคล่องตัวในการบริหารพอร์ตการลงทุนตามหลักการบริหารเชิงรุก (Active Management) เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โดยจะเริ่มลงทุนตามแผนจัดสรรการลงทุนระยะยาว (SAA) ฉบับใหม่ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป โดยเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง (Growth Assets) เช่น หุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศ รวมทั้งเริ่มลงทุนในนิติบุคคลเอกชนโลก สำหรับค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่านั้นไม่กระทบการลงทุนของ กบข.มากนัก เนื่องจาก กบข. ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น เพื่อรักษามูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ อีกด้านหนึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเงินลงทุนต่างประเทศก้อนใหม่ เพราะค่าเงินที่แข็งค่าขึ้นทำให้ กบข. มีอำนาจการลงทุนมากกว่าเดิม”
ด้านนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากการบริหารเงินลงทุน ให้ได้ผลตอบแทนระยะยาว และชนะอัตราเงินเฟ้อแล้ว กบข.ยังให้ความสำคัญด้านสมาชิก โดยวางแผนเป็น “คู่คิดใกล้ชิดสมาชิก” ด้วยการจัดสวัสดิการตามช่วงอายุ การสื่อสารกับสมาชิกผ่านเครือข่ายพันธมิตรอย่างเข้าถึง รวมทั้งสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการออมและวางแผนการเงินเพื่อเกษียณ ด้วยบริการออมเพิ่ม แผนทางเลือกการลงทุน และออมต่อ โดย ในปี 2556 กบข. เริ่มให้บริการแผนทางเลือกการลงทุนใหม่ คือ “แผนสมดุลตามอายุ”
สำหรับบริการออมเพิ่มนั้น สมาชิก กบข. สามารถออมเพิ่มโดยสมัครใจได้สูงสุดร้อยละ 12 ของเงินเดือนเพราะได้สิทิประโยชน์ทางภาษี โดย กบข. คาดว่าสิ้นปี 2556 สมาชิกใช้บริการออมเพิ่มจะมีจำนวนเป็น 18,000 ราย ส่วนสมาชิกเกษียณหากไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินสามารถออมต่อกับ กบข. ได้ โดย ณ สิ้นปี 2555 มีสมาชิกเกษียณออมต่อกับ กบข. ทั้งสิ้น 1,423 ราย อย่างไรก็ตามในปีนี้ กบข.คาดว่า สมาชิกเกษียณจะออมต่อกับ กบข. มากกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากสมาชิกจะรอความชัดเจนของการแก้ไขกฎหมาย หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้แก้ไขพระราชบัญญัติ กบข. เปิดโอกาสให้สมาชิก กบข. ที่รับราชการก่อนปี 2540 ตัดสินใจเลือกว่า จะกลับไปรับเงินบำนาญตามกฎหมายเดิม
เกี่ยวกับ กบข.
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) จัดตั้งขึ้นตาม พรบ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำเหน็จบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ ส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิก และจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่สมาชิก กบข. มีสถานะเป็นองค์กรของรัฐจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะไม่มีสถานะเป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ มีคณะกรรมการ กบข.เป็นผู้กำหนดนโยบาย ปัจจุบัน กบข.มีสมาชิก 1.2 ล้านคน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิประมาณ 612,064 ล้านบาท