แสนสิริประสบความสำเร็จจากการสร้างแบรนด์ที่อยู่อาศัยครบวงจร เตรียมส่งมอบที่อยู่อาศัย ตอบรับความต้องการเข้าอยู่อาศัยจริง 7,500 ยูนิต จาก 69 โครงการ ในปี 2556

ข่าวอสังหา Friday June 14, 2013 10:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--แสนสิริ แสนสิริประสบความสำเร็จจากการสร้างแบรนด์ที่อยู่อาศัยครบวงจรเตรียมส่งมอบที่อยู่อาศัย ตอบรับความต้องการเข้าอยู่อาศัยจริง7,500 ยูนิต จาก 69 โครงการ ในปี 2556 ต้อนรับครอบครัว Sansiri Family แสนสิริประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม-บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เตรียมโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยทั้งคอนโด - บ้านเดี่ยว - ทาวน์เฮาส์อีก 7,500 ยูนิต จาก 69 โครงการในปี 2556 รับดีมานต์ที่อยู่อาศัยจริงและต้อนรับครอบครัว Sansiri Family โดยตั้งเป้าประมาณการรายได้จากการโอนมอบที่อยู่อาศัยปี 2556 เป็นมูลค่าสูงถึง 34,000 ล้านบาทจากการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพรวมถึงตามแผนธุรกิจ 6 กุญแจสำคัญด้านการวางแผนเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบพรีคาสให้มากยิ่งขึ้น นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่แสนสิริ ได้เปิดตัวการขายโครงการที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม, โครงการบ้านเดี่ยว, โครงการทาวน์เฮ้าส์ โฮมออฟฟิศ ช็อปเฮาส์ รวมถึงคอนโดมิเนียมตากอากาศได้อย่างครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา โดยมีการสร้างแบรนด์และการรับรู้เกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทประสบความสำเร็จในด้านการขายเป็นอย่างมาก เห็นได้จากยอดขายที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละปี โดยในปี 2556 นี้ บริษัทเตรียมโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยเพื่อตอบรับ Real Demand หรือความต้องการที่อยู่อาศัยจริงที่พร้อมเข้าอยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนรวมถึง 7,500 ยูนิต จาก 69 โครงการทั่วประเทศโดยหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรม เพื่อต้อนรับสมาชิกของครอบครัวของ Sansiri Family ที่จะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากในปัจจุบันซึ่งมีอยู่จำนวนถึงกว่า 40,000 ครอบครัว โดยบริษัทประมาณการเกี่ยวกับยอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และพร้อมจะส่งมอบให้กับลูกค้าในปีนี้เป็นมูลค่าประมาณ 34,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย “ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรของแสนสิรินั้น นอกเหนือจากการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าจนเป็นที่รู้จักของสาธารณชนทั่วไปและความสามารถในการสร้างยอดขายที่สูงในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้วนั้น การสร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน รวมถึงการส่งมอบให้กับลูกค้าตามกำหนดเวลาก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยในปีนี้กลุ่มบริษัทแสนสิริมีพันธกิจที่สำคัญที่จะต้องส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าตามสัญญาเป็นมูลค่าเกือบ 34,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นยอดการโอนที่สูงมากในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทสามารถสร้างรายได้จากการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าแล้วประมาณ 8,000 ล้านบาท รวมทั้งในช่วงที่เหลือของปีหลังบริษัทยังมีพันธกิจในการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยอีกประมาณ 26,000 ล้านบาทจากการบริหารงานก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินธุรกิจตามแนวทางภายใต้ 6 กุญแจสำคัญที่จะผลักดันสู่ความสำเร็จในปีนี้ ด้านการวางแผนเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการด้วยระบบพรีคาสให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย” นายเศรษฐา กล่าว สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ ที่ขณะนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างการส่งมอบให้ลูกค้าเข้าอยู่อาศัยจริง มีจำนวนทั้งสิ้น 47 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยวจำนวน 21 โครงการ คอนโดมิเนียมจำนวน 14 โครงการ และโครงการทาวน์เฮาส์รวม 12 โครงการ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมที่เตรียมพร้อมจะส่งมอบให้กับลูกค้าได้เข้าอยู่อาศัยอีกเป็นจำนวนถึง 11 โครงการ อาทิ โครงการออนิกซ์ พหลโยธิน มูลค่าโครงการประมาณ 2,380 ล้านบาท โครงการ เดอะ เบส แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 1,635 ล้านบาท และ โครงการ ดีคอนโด ครีก ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 935 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนของโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จะเป็นการก่อสร้างและส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าที่เป็นไปตามเฟสต่างๆ อย่างต่อเนื่อง “บริษัทประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยครบวงจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้นับว่าแสนสิริสามารถเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยที่ประสบความสำเร็จครอบคลุมทุกเซกเมนต์ได้อย่างแท้จริง ตั้งแต่คอนโดมิเนียมแบรนด์ dcondo (ดีคอนโด) และ THE BASE (เดอะ เบส) คอนโดมิเนียมระดับ Medium-End ในคอลเลคชั่น Live with Attitude และคอนโดมิเนียมระดับบนภายใต้ Aesthetic Collection ทาวน์เฮาส์แบรนด์ ทาวน์ อเวนิวซึ่งเป็นแบรนด์หลักที่จะเปิดตัวในทำเลต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ทาวน์เฮาส์ภายใต้แบรนด์ฮาบิทาวน์ ในระดับราคา 2 — 4 ล้านบาท รวมทั้งแบรนด์ทาวน์เฮาส์ใหม่ล่าสุด เมท ทาวน์ ในระดับราคา 1.5 ล้านบาท บ้านเดี่ยวระดับบนแบรนด์นาราสิริ บ้านเดี่ยวระดับกลาง - บนภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ บ้านเดี่ยวระดับกลางแบรนด์บุราสิริ - สราญสิริ และฮาบิเทีย รวมถึงบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ล่าสุด คณาสิริ ซึ่งมีระดับราคาขาย 3 ล้านบาทขึ้นไป โฮมออฟฟิศแบรนด์ บีแสควร์ และช้อปเฮาส์แบรนด์บี อเวนิว เป็นต้น ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวจะส่งผลที่ดีต่อยอดขายและรายได้ในอนาคตต่อไป“ นายเศรษฐา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ