ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท “บ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” ที่ระดับ “BBB-/Stable” แทนที่หุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทชุดเดิม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 14, 2013 17:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB-” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ดังกล่าวใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทซึ่งมีการประกาศผลไปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2556 เนื่องจากบริษัทตัดสินใจเพิ่มวงเงินหุ้นกู้เป็นไม่เกิน 3,000 ล้านบาทจากเดิมที่ไม่เกิน 2,500 ล้านบาท โดยบริษัทวางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ในการขยายกิจการ อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งในโครงการคอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้า ขนาดของธุรกิจในระดับปานกลาง และโครงสร้างเงินทุนที่เพียงพอต่อการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากประวัติผลการดำเนินงานที่มีระยะสั้นและขาดความต่อเนื่อง การกระจุกตัวของผลิตภัณฑ์สินค้า รวมทั้งลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง และแรงกดดันจากต้นทุนก่อสร้างและแรงงานที่ขาดแคลน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในโครงการคอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้าจะยังคงแข็งแกร่ง และโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทจะสามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงและวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าแผนการเติบโตของบริษัทจะไม่ทำให้อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นเกิน 66% หรือเทียบเท่ากับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ระดับ 2 เท่า บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ประกอบธุรกิจพัฒนาและขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย โดยโครงการของบริษัทส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมใกล้สถานีรถไฟฟ้าในกรุงเทพ บริษัทก่อตั้งในปี 2542 โดยตระกูลเรืองกฤตยา ต่อมาในปี 2546 นายชานนท์ เรืองกฤตยาได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ในปี 2549-2550 บริษัทได้ร่วมลงทุนกับ Pramerica Real Estate Investors (Pramerica) ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ จัดตั้ง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ วัน จำกัด (ADO) และ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด (AD2) เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียม ตามลำดับ โดยที่ Pramerica ลงทุนในสัดส่วน 95% ของเงินลงทุนทั้งหมด ส่วนบริษัทลงทุน 5% และทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนาและบริหารจัดการโครงการ ต่อมาบริษัทได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ AD2 จาก Pramerica ในปี 2553 และซื้อ ADO ในปี 2555 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2555 ณ เดือนเมษายน 2556 นายชานนท์ เรืองกฤตยาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 53.1% ของหุ้นทั้งหมด และบริษัทมีรายได้ในปี 2555 อยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท ความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง โดยสถานะทางธุรกิจของบริษัทได้รวมการพิจารณาถึงประวัติการดำเนินงานและผลประกอบการของ ADO และ AD2 เสมือนหนึ่งว่าทั้ง 2 กิจการถูกถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัทนับตั้งแต่เริ่มต้น เนื่องจากบริษัทมีบทบาทอย่างสูงในการพัฒนาโครงการให้กับ ADO และ AD2 บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดโครงการคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ภายในรัศมี 300 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้า จุดแข็งดังกล่าวสะท้อนจากยอดขายและยอดโอนในระดับที่น่าพอใจของโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ชื่อ ไอดิโอ้ บริษัทเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้ AD2 ในปี 2550 โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้ AD2 ทั้งหมด 12 โครงการมูลค่ารวม 2 หมื่นล้านบาทมียอดขายอยู่ที่ 96% ของมูลค่าโครงการและมียอดโอนอยู่ที่ 90% ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการที่เปิดขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 มูลค่ารวม 9.6 พันล้านบาทมียอดขายอยู่ที่ 77% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2556 บริษัทได้เปิดโครงการภายใต้ชื่อ แอลลิโอ้ โดยมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อหน่วย และสามารถสร้างยอดขายได้ 874 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของบริษัทถูกลดทอนบางส่วนจากประวัติผลการดำเนินงานที่มีระยะสั้นและขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะในโครงการแนวราบ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความเสี่ยงจากการมีโครงการคอนโดมิเนียมเป็นผลิตภัณฑ์หลักชนิดเดียว ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทน่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อที่จะพิสูจน์ความสามารถเชิง กลยุทธ์ในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่อยู่อาศัยและสภาวะการแข่งขันที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความ ท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นในการจัดหาแปลงที่ดินใกล้สถานีรถไฟฟ้า ฐานะการเงินของบริษัทสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่ผันผวนในระยะปานกลางเนื่องจากความไม่ต่อเนื่องในการพัฒนาโครงการในอดีต และภาระหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต ในปี 2556 บริษัทวางแผนที่จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมูลค่า 2.57 หมื่นล้านบาท และนำโครงการแนวราบมูลค่า 7.3 พันล้านบาทที่เคยอยู่ภายใต้ ADO มาเปิดตัวใหม่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1.2-1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมจะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80%-90% ของรายได้ บริษัทมีมูลค่าโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 อยู่ที่ 9.9 พันล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าดังกล่าวน่าจะสามารถส่งมอบได้เกือบทั้งหมดภายในปี 2556 บริษัทมีอัตราส่วนกำไร (อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ในช่วงปี 2553-2555 ในระดับต่ำและผันผวนผิดปกติ เนื่องจากการควบรวมโครงการภายใต้ AD2 ในปี 2553 ด้วยมูลค่ายุติธรรมซึ่งสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีอยู่ประมาณ 1.5 พันล้านบาท การซื้อ AD2 ด้วยราคาที่สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทในช่วงปี 2553-2555 แต่จะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญนับจากปี 2556 เป็นต้นไป ในขณะเดียวกัน บริษัทน่าจะได้รับประโยชน์จากการซื้อสินทรัพย์ของ ADO ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ซึ่งน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถเสนอราคาขายในโครงการแนวราบภายใต้ ADO ที่แข่งขันได้ ในระยะปานกลาง ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรของบริษัทจะอยู่ในระดับเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 17% โดยพิจารณาถึงแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นเพื่อรองรับมูลค่าการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 อยู่ที่ 35.6% ซึ่งระดับดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าปกติ เนื่องจากบริษัทเพิ่งได้รับเงินสดมูลค่า 5.4 พันล้านบาทจากการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้ของบริษัทจะปรับสูงขึ้นในระยะปานกลางจากการขยายธุรกิจ อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน คาดว่าจะไม่ปรับขึ้นเกิน 66% บริษัทมีสภาพคล่องในระดับที่ยอมรับได้ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 ภาระหนี้ของบริษัทที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท อันดับเครดิตสะท้อนถึงภาระผูกพันในอนาคตที่บริษัทต้องจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นของ ADO มูลค่ารวม 750 ล้านบาท โดยเป็นการทยอยจ่ายจนครบถ้วนภายในกลางปี 2557 สภาพคล่องของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือมูลค่า 1.9 พันล้านบาท และวงเงินระยะยาวที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่า 6.3 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 รวมทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1-1.5 พันล้านบาทโดยเฉลี่ยต่อปี บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (ANAN) อันดับเครดิตองค์กร: BBB- อันดับเครดิตตราสารหนี้: หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2559 BBB- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ