ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกัน “บ.ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง” ที่ “AA+" และคงแนวโน้ม "Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 19, 2013 16:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 มิ.ย.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด ที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยหุ้นกู้ของบริษัทได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนโดยบริษัทแม่คือ ORIX Corporation (ORIX) ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ “A-” จาก Standard & Poor’s และ “Baa2” จาก Moody’s Investor Services (Moody’s) ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือของ ORIX ซึ่งค้ำประกันหุ้นกู้แบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ ตามเงื่อนไขข้อตกลงการค้ำประกันซึ่งบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศญี่ปุ่น ผู้ค้ำประกันจะให้การค้ำประกันเต็มจำนวนโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้สำหรับหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตดังกล่าว โดยผู้ค้ำประกันพร้อมที่จะชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ภายใต้ข้อตกลงการค้ำประกันในกรณีที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นอกจากนี้ หากมีการควบรวมหรือการครอบงำกิจการของผู้ค้ำประกันคือ ORIX บริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการหรือบริษัทที่เข้าครอบงำกิจการของ ORIX จะต้องรับภาระผูกพันในการค้ำประกันหุ้นกู้ดังกล่าวด้วย และในกรณีที่ ORIX ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ตามกำหนดหลังจากได้รับหนังสือบอกกล่าวแล้ว ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ค้ำประกัน ณ ศาลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินที่ผิดนัดชำระคืนได้ โดยที่ภาระการค้ำประกันนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือเพิกถอนโดยปราศจากมติเอกฉันท์จากผู้ถือหุ้นกู้ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ของหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งสะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันคือ ORIX ซึ่งได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “A-“ ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Standard & Poor’s และ “Baa2” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” จาก Moody’s อันดับเครดิตของ ORIX ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหุ้นกู้ได้รับแรงหนุนจากสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยจุดแข็งของ ORIX คือการกระจายตัวของธุรกิจและแหล่งเงินทุน ORIX ก่อตั้งในปี 2507 โดยความร่วมมือของสถาบันการเงิน 5 แห่งและบริษัทธุรกิจการค้าอีก 3 แห่ง บริษัทเป็นต้นแบบในการบุกเบิกอุตสาหกรรมลีสซิ่งในประเทศญี่ปุ่น กว่า 50 ปีของการดำเนินงาน ORIX ได้ขยายขอบเขตความหลากหลายของธุรกิจ จนกระทั่งปัจจุบันมีการให้บริการทางการเงินที่กว้างขวางนอกเหนือจากการให้บริการลีสซิ่ง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 สินทรัพย์รวมทั้งหมดของบริษัทจำนวน 8.4 ล้านล้านเยนประกอบไปด้วย สินเชื่อผ่อนชำระ 2.7 ล้านล้านเยน ซึ่งคิดเป็น 31.9% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ตามด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าดำเนินงานจำนวน 1.4 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 16.5% เงินลงทุนในหลักทรัพย์ 1.1 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 13.0% และเงินลงทุนในสินทรัพย์ให้เช่าทางการเงินจำนวน 1.0 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 11.7% ธุรกิจของ ORIX ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้าธุรกิจ (Corporate Financial Services) ธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุง (Maintenance Leasing) ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ธุรกิจการลงทุนและการดำเนินงาน (Investment and Operations) ธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย (Retail) และธุรกิจต่างประเทศ (Overseas Business) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 สินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยคิดเป็น 31.8% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจ ตามด้วยกลุ่มธุรกิจต่างประเทศที่ 19.5% และกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 17.9% สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจของ ORIX ลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 6.9 ล้านล้านเยนในรอบปีบัญชี 2552 (เมษายน 2551-มีนาคม 2552) เหลือ 6.0 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 (เมษายน 2554-มีนาคม 2555) การลดลงของสินทรัพย์สะท้อนถึงความตั้งใจของ ORIX ที่จะลดขนาดสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงด้านลบของเศรษฐกิจสูง สัดส่วนสินทรัพย์ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงจาก 26.7% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจในรอบปีบัญชี 2552 เป็น 22.8% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 และ 17.9% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 (เมษายน 2555-มีนาคม 2556) ในขณะเดียวกัน ORIX พยายามที่จะพัฒนาความสามารถในการทำกำไรจากกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง ในรอบปีบัญชี 2556 กลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยและกลุ่มธุรกิจต่างประเทศซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ 2 ลำดับแรกของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจได้สร้างผลกำไรในสัดส่วนที่สูงสุดใน 2 ลำดับแรกของกำไรรวมตามกลุ่มธุรกิจ คือ 21.9% ของกำไรรวมตามกลุ่มธุรกิจที่ 197.3 พันล้านเยนสำหรับกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อย และ 26.7% สำหรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจลีสซิ่งแบบเช่าบำรุงก็เป็นกลุ่มธุรกิจที่ให้ผลกำไรดีเช่นกัน โดยสามารถสร้างผลกำไรเป็นสัดส่วนถึง 18.3% ของกำไรรวมตามกลุ่มธุรกิจแม้จะมีสินทรัพย์เพียง 9.7% ของสินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจก็ตาม สินทรัพย์รวมตามกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกเป็น 6.2 ล้านล้านเยน ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 โดยเพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจสำหรับลูกค้ารายย่อยและกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ การกระจายความหลากหลายของธุรกิจช่วยให้ ORIX สามารถหลีกเลี่ยงการมีผลประกอบการขาดทุนได้แม้ในช่วงวิกฤตทางการเงินในปี 2551 โดยในรอบปีบัญชี 2552 แม้ว่าผลประกอบการทางการเงินจะลดลงอย่างมาก แต่ ORIX ก็ยังคงมีกำไร โดยมีกำไรสุทธิที่ 20.7 พันล้านเยน ลดลงจาก 168.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2551 กำไรสุทธิของบริษัทฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจาก 36.5 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2553 เป็น 111.9 พันล้านเยนในรอบปีบัญชี 2556 ORIX ดำรงนโยบายด้านสภาพคล่องที่เข้มงวดโดยการรักษาเงินสดและวงเงินกู้แบบผูกพันการให้กู้ที่สามารถใช้ได้อย่างเพียงพอต่อการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้ โดยอัตราส่วนเงินสดและวงเงินกู้ต่อหนี้สินระยะสั้นที่สามารถซื้อขายหรือโอนเปลี่ยนมือได้อยู่ที่ระดับ 295% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2556 โดยใกล้เคียงกับระดับ 289% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2555 ทั้งนี้ อัตราส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นจาก 204% ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2554 แนวโน้มที่ดีในอุตสาหกรรมลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานในประเทศไทยทำให้ ORIX มุ่งเน้นขยายธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้นโดยผ่านบริษัทลูกคือบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้เช่าแบบลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในประเทศไทย บริษัทก่อตั้งในปี 2521 โดยความร่วมมือระหว่าง ORIX บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ สินเอเซีย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จากัด (มหาชน) ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลายครั้งเนื่องจากการควบรวมและการเข้าครอบงำกิจการของผู้ถือหุ้นฝ่ายไทย ในปี 2553 ORIX ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจในประเทศไทยโดยการควบรวมบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งและบริษัทที่ให้บริการเช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานคือ บริษัท โอริกซ์ ออโต้ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และเปลี่ยนเป็นนิติบุคคลที่มีการจัดตั้งขึ้นใหม่ แต่ยังคงใช้ชื่อบริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งเป็นชื่อของนิติบุคคลใหม่นั้น ปัจจุบัน ORIX ถือหุ้น 96.6% ในบริษัท ส่วนหุ้นที่เหลือ 3.4% ถือโดยบริษัทกรุงเทพประกันภัย ธุรกิจหลักที่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งให้บริการประกอบด้วยธุรกิจสินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และธุรกิจการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงาน จากข้อมูลที่ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบบัญชี ณ สิ้นรอบปีบัญชี 2556 บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งมีสินทรัพย์ดำเนินงานซึ่งประกอบไปด้วยสินเชื่อหรือลูกหนี้จากธุรกิจลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์และสินทรัพย์ให้เช่าสุทธิจากธุรกิจการให้เช่ารถยนต์เพื่อการดำเนินงานจำนวน 13,403 ล้านบาท โดยสินทรัพย์จากธุรกิจลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์คิดเป็นประมาณ 62% ของสินทรัพย์ดำเนินงานรวม สินทรัพย์ดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากในรอบปีบัญชี 2556 โดยเพิ่มขึ้น 39% จากรอบปีบัญชี 2555 บริษัทมีกำไรสุทธิ 432 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2556 เพิ่มขึ้นจาก 234 ล้านบาทในรอบปีบัญชี 2555 คุณภาพสินเชื่อลีสซิ่งสำหรับเครื่องจักรและอุปกรณ์ก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ORIX ได้แสดงความตั้งใจในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทไทยโอริกซ์ลีสซิ่งทั้งในด้านธุรกิจและด้านการเงิน ซึ่งรวมทั้งการให้ความรู้ในด้านธุรกิจ แนวปฏิบัติในการบริหารจัดการความเสี่ยงและการดำเนินงาน รวมถึงการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งนี้ การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด (TOLC) อันดับเครดิตตราสารหนี้: TOLC14NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 AA+ TOLC154A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 AA+ TOLC16NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ