กรมศุลกากรสรุปตัวเลขค้าระหว่างประเทศเดือนเมษายน 2541

ข่าวทั่วไป Tuesday May 19, 1998 15:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพ--19 พ.ค.--กรมศุลกากร
กรมศุลฯ สรุปตัวเลขนำเข้า-ส่งออก และดุลการค้าประจำเดือนเมษายน 2541 เผยท็อปเท็น สินค้าที่มีมูลค่าส่งออกและนำเข้าสูงสุดร่วงหมดเกือบทุกรายการยกเว้นน้ำมันดิบที่ขยับเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วถึง 42.56% แต่ภาพรวมการค้าไทยยังได้ดุลการค้าต่างชาติต่อเนื่องถึง 8 เดือน ชี้ผลกระทบการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงจากระบบสินเชื่อที่ชะงักงัน ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ให้สต๊อกสินค้าและสินค้าฟุ่มเฟือยที่นำเข้าลดลง ฉุดตัวเลขรายได้การจัดเก็บอากรนำเข้าของรัฐพลอยร่วงตามไปด้วย
นายสมใจนึก เองตระกูล อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงภาวะการนำเข้า-ส่งออกและดุลการค้าในเดือนเมษายน 2541 ว่า กรมศุลกากรได้สรุปตัวเลขเบื้องต้น พบว่ามูลค่าการนำเข้าและส่งออกโดยเฉพาะ 10 สินค้าอันดับแรกทั้งในรูปสกุลเงินบาทและดอลลาร์เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมาลดลงเกือบทุกรายการ มีเพียงน้ำมันดิบเท่านั้นที่ยังคงมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 3.701 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 42.56% ส่วนภาพรวมตัวเลขการนำเข้าเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมที่ผ่านมาปรากฏว่าลดลงจาก 173,209 ล้านบาท หรือ 143,407 ล้านบาท ซึ่งลดลง 29,802 ล้านบาท หรือในอัตรา 17.21% และตัวเลขการส่งออกในช่วงเดียวกันนี้ก็ลดลงจาก 207,171 ล้านบาท เหลือเพียง 166,946 ล้านบาท ซึ่งลดลงถึง 40,225 ล้านบาท หรือในอัตรา 19.42%
ส่วนตัวเลขการนำเข้าและส่งออกในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ก็มีอัตราอ่อนตัวลงเช่นเดียวกัน โดยตัวเลขการนำเข้าเปรียบเทียบระหว่างช่วงเดียวกันลดลงจาก 3.991 ล้านดอลลาร์สหรัฐเหลือเพียง 3.606 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และตัวเลขการส่งออกก็ลดลงจาก 4,868 ล้านดอลลาร์สหรัฐเหลือเพียง 4,272 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยยังคงได้ดุลการค้าคู่ค้าต่างชาติต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 แล้วนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2540 เป็นต้นมา โดยเดือนเมษายนปีนี้เพียงเดือนเดียวไทยยังคงได้ดุลการค้าถึง 23,539 ล้านบาท (666 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เปรียบเทียบกับช่วง 4 เดือนแรกในปีนี้ที่ไทยได้ดุลการค้าต่างชาติรวมทั้งสิ้น 154,763 ล้านบาท (3,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
อธิบดีกรมศุลกากรยังได้เปิดเผยถึงสินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด 10 อันดับแรกของเดือนเมษายนปีนี้ ได้แก่ 1. เครื่องจักรไฟฟ้า 2. เคมีภัณฑ์ 3. เครื่องจักรกล 4. น้ำมันดิบ 5. แผงวงจรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 6. คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ 7. ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากโลหะสามัญ 8. เหล็กและเหล็กกล้า 9. เครื่องใช้ในทางไฟฟ้า และ 10. เครื่องใช้ในทางวิทยาศาสตร์และอุปกรณ์ ส่วน 10 อันดับสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุดได้แก่ 1. เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มูลค่า 21,188 ล้านบาท 2. เครื่องใช้ไฟฟ้า 12,926 ล้านบาท 3. เสื้อผ้าสำเร็จรูป 8,564 ล้านบาท 4. แผงวงจรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 6,858 ล้านบาท 5. ข้าว 6,718 ล้านบาท 6. ยางและผลิตภัณฑ์ยาง 6,282 ล้านบาท 7. พลาสติกและผลิตภัณฑ์ 5,496 ล้านบาท 8. อัญมณีและเครื่องประดับ 5,173 ล้านบาท 9. อาหารทะเลกระป๋อง 4,865 ล้านบาท และ 10. กุ้งสดแช่แข็ง 4,379 ล้านบาท
ทางด้านประเภทคู่ค้าที่เป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทยในเดือนเมษายนปีนี้ อันดับแรกยังคงเป็นสหรัฐอเมริกา ซึ่งไทยได้ดุลการค้าสูงสุดคิดเป็นมูลค่า 14,465 ล้านบาท รองลงมาเป็นกลุ่มประเทศอาเซียนและสหภาพยุโรป ไทยได้ดุลการค้า 12,524 ล้านบาท และ 11,792 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนญี่ปุ่นซึ่งเป็นกลุ่มประเทศคู่ค้ารายใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของไทย ไทยยังคงขาดดุลการค้าต่อเนื่องโดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาไทยขาดดุลแก่ญี่ปุ่นอยู่ 11,853 ล้านบาท
"ภาพรวมของการขาดสภาพคล่องภายในประเทศ จากการหดตัวอย่างรุนแรงของระบบสินเชื่อ อันเนื่องมาจากการนำมาตรการกำกับดูแลระบบการเงินใหม่เข้ามาใช้ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ระมัดระวังอย่างมากในการปล่อยสินเชื่อ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการนำเข้าที่ผู้นำเข้าลดการนำสินค้าเข้ามาเก็บไว้ในสต๊อก แต่จะสั่งสินค้าเข้าเฉพาะเท่าจำนวนที่ต้องการใช้เท่านั้น รวมทั้งการลดการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะผู้บริโภคภายในประเทศขาดแคลนกำลังซื้อ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้แนวโน้มการจัดเก็บอากรเข้ารัฐโดยกรมศุลกากรลดลงอย่างต่อเนื่อง และในเดือนเมษายนปีนี้กรมศุลกากรก็สามารถจัดเก็บอากรขาเข้าได้เพียง 4,809 ล้านบาทเท่านั้น" อธิบดีกรมศุลกากรกล่าว--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ