ทีวีไกด์รายการ "ที่นี่หมอชิต" “แต๊งค์ พงศกร” เผยชีวิตหลังลาสิกขา ขอหันหน้าทำสวนทำไร่แบบเกษตรพอเพียง

ข่าวบันเทิง Thursday August 1, 2013 16:44 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ที่นี่หมอชิต ที่นี่หมอชิตอาทิตย์นี้ พิธีกรดู๋ สัญญา มีนัดกับ แขกรับเชิญเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดี เป็นคนในแวดวงสังคมไฮโซและในวงการบันเทิง เค้าก็คือ “คุณแต็งค์ พงศกร มหาเปารยะ “ ที่จากกระแสข่าวสุดท้ายคือ ช่วงนั้น บวชเพราะช้ำรักจาก “คุณแตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ระหว่างที่บวขก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ มีถึงขั้นว่าจะบวชไม่สึก วันนี้โอกาสดีได้มาเที่ยวที่บ้านตากอากาศของครอบครัวคุณแต๊งค์ใน จ.นครนายก และพูดคุยว่าเกือบ 3 ปีที่อยู่ในผ้าเหลือง ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ลองมาฟังบางส่วนจากการพูดคุยในรายการ “ รู้สึกอย่างไร ตอนนี้บางคนยังเรียกเราว่า พระแต๊งค์อยู่ ?? คงเป็นความเคยชินเพราะคุณแม่เองก็ยังติดเรียกพระอยู่เลยครับ สึกมานานเท่าไหร่ ?? เกือบ สองเดือนแล้ว ได้ยินมาว่ายังติดกิจวัตรบางอย่างจากการเป็นพระมาอยู่ ?? ใช่ครับ ก็จะตื่นเช้าตีห้าครึ่ง ก็ลุกขึ้นมาเดินวน ต้องออกไปวิ่งนอกบ้านบนถนน ติดรับประเคนเวลาเด็กเสริฟมาเสริฟอาหาร เราต้องรีบเอามือไปรับ ตอนเป็นพระนี่ไม่รับไม่ได้นะโยมค้อน บางทีเอาจานมาชนมือ..(หัวเราะ) ช่วงก่อนบวชก็เห็นมีความรัก แล้วข่าวกับกระแส ที่บอกว่าไปบวช เพราะช้ำรัก ผิดหวังในรัก เป็นช่วงที่มีความทุกข์ ก่อนบวช ????? ฤกษ์บวชจริงๆขอไว้นานมากแล้วครับตั้งแต่ยังไม่มีปัญหากับแฟน มันก็มีความทุกข์หลายอย่าง เรื่องการทำงานเรื่องแฟน เมื่อก่อนเป็นคนใจร้อนด้วย จะมีเรื่องของทางบ้านแล้วก็เรื่องเล็กน้อย คุณพ่อคุณแม่ก็รักเราอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าครอบครัวอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาของเราอะไรขนาดนั้น พอมาอยู่ในวัดแล้วมันรู้สึกว่ามีอะไรหลายอย่างที่มันช่วยได้ แล้วก็ตอนเด็กก็เห็นคุณพ่อสวดมนต์ตั้งแต่เด็กเราก็ไม่เข้าใจว่าต้องสวดทำไม จากตั้งใจบวช 15 วัน สุดท้ายบวชได้นานอย่างไร ?? ตั้งใจจะบวช 15 วันครับเพื่อทดแทนบุญคุณพ่อแม่ แล้วคือเพิ่มไปเรื่อยๆคือเพิ่มทีละนิด ตอนแรกมันเริ่มมีความตั้งใจ คือเราบวชแล้วเราไม่รู้เลยว่าธรรมะเขาสอนอะไร นี่ไม่รู้อะไรเลยว่างเปล่าไป แต่ว่าเราเป็นพุทธอยู่แล้วสวดมนต์เข้าวัดทำบุญเป็นปรกติแต่ว่าไม่เคยปฎิบัติธรรมแบบจริงจัง ไม่ได้ศึกษาแก่นแท้ว่าพุทธเจ้าสั่งสอนยังไง ดับทุกข์ยังไง เชื่อว่าถ้าใครเคยบวชก็คง อยากจะบวชให้นานที่สุด เพียงแต่ว่าหลายคนติดภาระมีหน้าที่การงาน ภรรยาต้องกลับไปดูแลคนรัก ด้วยความที่เราโชคดี ไม่มีภาระไม่มีห่วง คุณพ่อคุณแม่ก็สบายแล้ว ณ ตอนนั้นตัวเองไม่มีแฟน แล้วก็มีเงินเก็บส่วนนึงที่เก็บเอาไว้ ก็เลยคิดว่าลองศึกษาต่อไปเรื่อยๆดูเพราะว่าชีวิตในวัดเป็นอะไรที่เราไม่เคยสัมผัสเหมือนไปเรียนเมืองนอกเลย ติดลม เจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ สิบห้าวันเป็นเดือนเป็นปีเป็นสองปี แต่ระหว่างที่บวชอยู่ไม่เคยตั้งลิมิตตัวเองเลยว่าต้องกี่วัน ไม่ได้ไปพูดกับหลวงพ่อ หลวงพ่อครับขอเลื่อนเป็นสามเดือน หกเดือน พอถึงหกเดือนปุ้บผมก็รู้ตัวหกเดือนแล้ว ระหว่างการเป็นพระได้มีโอกาสนำวิชาที่เรียนมาใช้ด้วย??? ได้มีโอกาสทำอะไรๆใหม่ด้วยเช่นงานเขียน?? มีโอกาสได้ออกแบบพระ (โชว์พระที่ออกแบบ) แล้วอีกอย่างที่ค้นพบในตัวเองคือเราไม่เคยทำงานเขียน แต่พอเป็นพระแล้วเขียนอะไรคนก็อ่าน พูดอะไรคนก็ฟัง จนมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ตอนนี้กำลังเขียนหนังสืออยู่ด้วยครับ แล้วทำไมถึงตัดสินใจลาสิกขา ?? รู้สึกว่าอิ่มแล้ว รู้สึกว่าเราคิดถึงทางโลกแล้ว พูดตรงๆ คิดถึงเพื่อน อยากดูหนัง อยากฟังเพลง อยากเล่นกีต้าร์อยากไปเที่ยว อยากขับรถ ถ้าดูจิตใจเรามันจะมาเรื่อยๆ สะกดไว้ข่มไว้ก่อน แต่เราคิดว่า ถ้ามันมามากขนาดนี้จะข่มมันไว้ให้ลำบากใจทำไม เราไม่ได้จะไปเป็นพระอรหันต์ เรามีความดีระดับนึงแล้ว เราก็พร้อมออกไปอยู่ข้างนอกได้ ออกไปอยู่ข้างนอกก็มีข้อดีตั้งเยอะแยะ แม่ก็เหงาอยู่ น้องๆไปเรียนต่างประเทศหมดแล้ว ออกมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ คืนแรกมีความสุขมาก ที่นอนเรามันนุ่มมากเพราะ หลังแข็งมาสองปีครึ่ง เสื่อจริงๆนะ พื้นไม้ไม่มีอะไรรอง พูดอย่างนี้เดี๋ยวไปเห็นพระนอนแล้วก็ไปว่าเขาอีก แต่หมายความว่านอนมันก็ต้องแล้วแต่สังขารร่างกาย นอนลำบากปวดหลังก็ต้องมีเตียงแต่อย่าให้มันสูงมากตอนนี้เป้าหมายในชีวิตเป็นอย่างไร?? วางไว้แต่แรกเลยคือผมก็อยากจะทำให้คุณพ่อคุณแม่ดีใจ ตอนนี้ก็ได้บวชแล้วคุณพ่อคุณแม่คงดีใจ ต่อไปก็ใช้ชีวิตตนเองไม่ให้เป็นปัญหากับคนอื่น ส่วนประโยชน์ที่จะทำได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับโอกาสครับ ตอนนี้สนใจเรื่องของการทำสวนทำไร่ เราจะมาทำเป็นโมเดล ทำสวนทำไร่ให้เป็นแบบอย่าง ให้เด็กวัยรุ่นเห็นว่าทำสวนทำไร่ไม่ได้ลำบากขนาดนั้น รายได้ดีด้วย เงินเดือน สองสามหมื่น มีชีวิตที่ไม่ต้องแข่งกับใคร พอดีที่นี่ก็พอมีเนื้อที่ก็เริ่มไปดูคุยกับบริษัทขนส่งน้ำ ต้องหาคนที่เขาทำโครงการมีประสบการณ์ มาเปิดอบรม จะทำเป็นเหมือนศูนย์เพื่อเกษตรกร คือต้องทำแบบ นึกภาพพวกขายตรงเหมือนคนขายแอมเวย์อย่างนี้ ทำเท่านี้ได้เท่านี้ ขายเท่านี้ได้เท่านี้ ไม่งั้นคนเค้าจะไม่เห็นภาพว่ารายได้เขาได้เท่าไร คือทำเพื่อสนองพระราชดำริด้วย เหมือนที่ในหลวงให้เราปลูกพืชผสมแล้วเลี้ยงปลาด้วย ทำเป็นโมเดลสำเร็จรูปล่ะ เปิดฝามาไปรับเมล็ดพันธุ์จากที่นี่ รับพันธ์ปลาจากที่นี่ ปลูกเวลาเท่านี้เป็นสเตปไป อันนี้เป็นแผนที่วางไว้ครับ” และยังมีหลายเรื่องราวพบกแบบเต็มๆของ “คุณแต๊งค์” และยังไปเยี่ยมครอบครัว “คุณเป้ย ปานวาด” มาฝากผู้ชมด้วย ติดตามกันได้ในรายการที่นี่หมอชิตคืนวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคมนี้ ทางช่อง 7

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ