FPI โชว์ศักยภาพ Q2/56 กำไรพุ่ง 46.86% ดันยอดขายเพิ่มขึ้นทุบสถิติสูงสุดช่วงเดือนมิถุนายน ชี้ไตรมาส 3-4 รายได้และกำไรยังขยายตัวดีต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 13, 2013 12:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ส.ค.--IR network “ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้” หรือ FPI อวดผลดำเนินงานไตรมาส 2/56 กำไรเพิ่มกว่า 46.86% ผลจากการติดตั้งเครื่องจักรใหม่แล้วเสร็จ ทำให้กำลังการผลิตเพิ่ม 50% สามารถกดต้นทุนลดลง 22.99% ดันยอดขายเพิ่มขึ้นทุบสถิติสูงสุดช่วงเดือนมิถุนายนที่ 191.32 ล้านบาท คาดไตรมาส 3 และ 4 จะมียอดขายและกำไรโตขึ้นอีก “สมพล ธนาดำรงศักดิ์” ระบุนับจากนี้จะเดินหน้าธุรกิจอย่างเต็มที่ มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ รับกำลังการผลิตเพิ่ม ด้วยจุดเด่นด้านกระบวนการผลิตที่ครบวงจร และการส่งมอบงานที่รวดเร็ว ผนวกกับพันธมิตรทางการค้าที่มีมากถึง 60 รายในประเทศส่งผลให้มีสินค้าที่จะป้อนให้กับลูกค้าได้ถึง 50,000 รายการ นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูนพาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยถึงผลดำเนินงานไตรมาส 2/2556 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 442.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.03 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 47.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ช่วง 6 เดือนแรก มีรายได้รวม 839.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 88.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.86 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการติดตั้งเครื่องจักรใหม่แล้วเสร็จช่วงกลางเดือนพฤษภาคม “การเพิ่มกำลังผลิตในช่วงไตรมาส 2 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 และสามารถลดต้นทุนได้ถึงร้อยละ 22.99 จากยอดขายช่วงไตรมาส 2 ที่เพิ่มขึ้นจาก 90.73 ล้านบาทในเดือนเมษายน เป็น 160.53ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม และทำสถิติสูงสุด 191.32 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านบาทในเดือนเมษายน เป็น 13.1 ล้านบาท ในเดือนพฤษภาคม และทำสถิติสูงสุดในเดือนมิถุนายนกว่า 30.93 ล้านบาท ซึ่งเครื่องจักรที่ติดตั้งแล้วเสร็จ สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรขั้นต้นได้ค่อนข้างมาก คาดว่าไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ จะมียอดขายและกำไรเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไร 162.5 ล้านบาท” นายสมพล กล่าวต่อถึงแผนงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ว่า จะเน้นการพัฒนาสินค้ารุ่นและโมเดลใหม่ ๆ เพื่อรองรับกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยจะมีการลงทุนในแม่พิมพ์เพิ่มขึ้นอีก100 ล้านบาท จากที่ลงทุนไปแล้ว 50 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก แบ่งเป็นแม่พิมพ์เกาหลีประมาณ 40 ล้านบาท แม่พิมพ์ญี่ปุ่น 40 ล้านบาท และแม่พิมพ์สำหรับอุปกรณ์ตกแต่งอีก 20 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทำให้ยอดขายและกำไรในปีนี้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 “FPI มีจุดเด่นที่กระบวนการผลิตด้านพลาสติกที่ครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบแม่พิมพ์ ขึ้นรูปแม่พิมพ์ กระบวนการฉีดพลาสติก ชุบพลาสติก พ่นสี 2 K และการประกอบ ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยยังมีบริษัทที่มีกระบวนการผลิตครบค่อนข้างน้อย รวมถึงกระบวนการชุบ LINE AUTOMATIC 2 LINE จากเยอรมนีและญี่ปุ่น ซึ่งการชุบ NICKLE ได้ถึง 4 ชั้น และความหนาถึง 48 MICRON ทำให้ FPI สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเทียบเท่าบริษัทผู้ผลิต(OEM) และราคาที่แข่งขันได้” เขากล่าวต่อว่า รายได้ของบริษัทฯ มาจากสินค้าที่ผลิตขึ้นเอง และซื้อมาขายไป ซึ่งปัจจุบันมีพันธมิตรทางการค้ากว่า 60 รายในประเทศ ทำให้มีสินค้าที่จะป้อนให้กับลูกค้าได้กว่า 50,000 รายการ ในลักษณะ One Stop Service สำหรับสินค้าอะไหล่รถยนต์ ซึ่งจะช่วยให้ต้นทุนการนำเข้าของลูกค้าถูกกว่าคู่แข่ง โดยขณะนี้ บริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าส่งไปขายต่างประเทศกว่า 115 ประเทศทั่วโลก ซึ่งกว่าร้อยละ 60 มีการทำธุรกรรมทางการค้าร่วมกันเกินกว่า 10 ปีขึ้นไป ทำให้บริษัทมีข้อมูลการตลาด และความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้ามากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ ตลอดถึงการส่งมอบงานที่รวดเร็ว สามารถส่งสินค้าให้กับลูกค้าในช่วงเวลา 3 — 21 วัน ภายหลังรับคำสั่งซื้อ โดยคู่แข่งส่วนใหญ่จะใช้เวลา 30-60 วัน “รายได้หลัก FPI จะเน้นการส่งออกตลาดต่างประเทศ ซึ่งช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีสัดส่วนถึงร้อยละ 87.70 และในประเทศอีกร้อยละ 12.30 ซึ่งสินค้าหลักจะเน้นในส่วนของอะไหล่ทดแทน ที่ผลิตจากพลาสติก Polypropylene เช่น กันชน สเกิร์ต และผลิตจากพลาสติก ABS เช่น หน้ากระจัง ขอบคิ้วประตู ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 72.49 ของสินค้าที่ผลิตเอง หรือร้อยละ 42.52 ของรายได้รวม การเน้นลงทุนในสินค้ากลุ่มดังกล่าว เนื่องจากสามารถบริหารต้นทุนได้ดีและมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้ค่อนข้างมาก" เขากล่าวต่อในช่วงท้ายถึงภาพรวมตลาดรถยนต์ประเทศไทยในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตประมาณร้อยละ 3-5 จากปีก่อนที่มียอด 2.48 ล้านคัน โดยสถานการณ์การส่งออกอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก มีมูลค่า 5,948.15 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 6.02 ขณะที่ FPI มียอดขายช่วงครึ่งปีแรกมูลค่า 839.58 ล้านบาท เนื่องจากมีการลงทุนในแม่พิมพ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะตลาด AEC และรถยนต์จากค่ายเกาหลีเพิ่มมากขึ้น ทำให้เจาะตลาดใหม่ๆ ได้มากขึ้น และขยายสายการผลิตภัณฑ์ ให้กับลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีอยู่แล้ว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ