กรุงเทพ--4 ก.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ปรับเพดานขึ้นลงของราคาหลักทรัพย์ในแต่ละวันจากที่กำหนดไม่ เกินร้อยละ 10 ของราคาปิดในวันทำการก่อนหน้านั้น เป็นเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่ เกินร้อยละ 30 ของราคาปิดในวันทำการก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ราคา ซื้อขายหลักทรัพย์เป็นไปตามกลไกของตลาดในด้านอุปสงค์และอุปทาน อีกทั้งเพื่อช่วยเสริม สภาพคล่องสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์และเป็นการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ตามสภาวะ แวดล้อมที่เปลี่ยนไป สำหรับเกณฑ์ในการเปลี่ยนแปลงเพดานการขึ้นลงของราคาหลักทรัพย์ใหม่ สรุป สาระสำคัญได้ดังนี้ 1. ให้ยกเลิกข้อกำหนดราคาหลักทรัพย์ประจำวันที่ให้ราคาเสนอซื้อเสนอขาย หลักทรัพย์ในแต่ละวันเปลี่ยนแปลงไม่เกินร้อยละ 10 ของราคาปิดในวันทำการก่อนหน้าเป็น เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของราคาปิดในวันทำการก่อนหน้านั้น 2. กรณีที่มีเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาวะการลงทุนในหลักทรัพย์ทั้งตลาด ตลาดหลักทรัพย์จะใช้มาตรการหยุดการซื้อขายทั้งตลาดเป็นการชั่วคราว ดังนี้ 2.1 ในกรณีที่ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ เปลี่ยนแปลงลดลงมากกว่าวัน ก่อนหน้า 100 จุด ตลาดหลักทรัพย์จะหยุดการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 2.2 ในการณีที่ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ เปลี่ยนแปลงลดลงมากกว่า 150 จุด ตลาดหลักทรัพย์จะหยุดการซื้อขายทั้งหมดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที 2.3 ในกรณีที่ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงลดลงมากกว่า 200 จุด ตลาดหลักทรัพย์จะหยุดการซื้อขายทั้งหมดตลอดระยะเวลาการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เหลือ ในวันดังกล่าว 3. สำหรับกฎเกณฑ์เพดานขึ้นลงของราคาหลักทรัพย์ใหม่ดังกล่าว จะเริ่มใช้ตั้ง แต่วันที่ 1 สิงหาคม 2540 เป็นต้นไป อนึ่ง เนื่องจากเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงใหม่นี้เปิดโอกาสให้ราคาเสนอซื้อขาย หลักทรัพย์มีการเคลื่อนไหวได้ในแต่ละวันมากขึ้น และโอกาสที่ผู้ลงทุนจะได้หรือเสียจาก ราคาเปลี่ยนแปลงดังกล่างมีมากขึ้นด้วย ตลาดหลักทรัพย์จึงขอให้ผู้ลงทุนได้ใช้ความระมัด ระวังในการลงทุนให้มาก และขอให้คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะ ในกรณีผู้ที่ซื้อหลักทรัพย์ในบัญชีมาร์จิ้น เพราะหากราคาหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลงอย่าง มาก สมาชิกอาจจะต้องเรียกหลักประกันเพิ่ม หรืออาจระงับการซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวเพิ่ม ได้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ด้านการตลาดของบริษัทสมาชิกก็ควรที่จะต้องใช้ความระมัดระวัง ในการให้คำปรึกษาแนะนำให้กับลูกค้าของตนเองให้ตัดสินใจลงทุนอย่างมีเหตุผล และสอด คล้องกับปัจจัยพื้นฐานด้วย--จบ--