กรุงเทพฯ--26 ส.ค.--เอ็มทีเอส โกลด์
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,376 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,374 (22.30 น.) เหรียญ/ออนซ์ ค่าเงินบาทปิด 31.92 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 20,600 บาท กับ 20,700 บาท และกลับมาปิดที่ 20,600บาท กับ 20,700 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,636 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 6,015 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 2.6 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 8.9 % GFQ13 ปิด 20,910 บาท และ GFV13 ปิด 21,050 บาท GF10Q13 ปิด 20,920 บาท GF10V13 ปิด 21,060 บาท
สัญญา Comex ปิดเพิ่มขึ้น 25 ดอลาร์ ปิดที่ระดับ 1,395.8 ดอลลาร์/ออนซ์ Silver ปิดเพิ่มขึ้น 70.3 เซ็นต์ ปิดที่ระดับ 23.738 ดอลลาร์/ออนซ์ SPDR ถือครองทองคำ 920.13 ตัน (ซื้อเข้า 6.61 ตัน) น้ำมัน NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 106.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 46.77 จุด ปิดที่ 15,010.51 จุด
ข่าวที่สำคัญ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น 1.8% โดยราคาทองคำสามารถขึ้นไปแตะระดับ 1,400 เหรียญได้ในคืนวันศุกร์ และกลับมาปิดตลาด COMEX ที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ที่ 1,395.8 เหรียญ เนื่องจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่สหรัฐออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ ซึ่งอาจทำให้เฟดยังคงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงสนับสนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซนที่ออกมาพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบสองปี ช่วยสนับสนุนสกุลเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้นและกดดันให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง
อีกทั้ง เมื่อวันศุกร์ SPDR ซื้อเพิ่ม 6.61 ตัน เพิ่มปริมาณการถือครองทองคำมาเป็น 920.13 ตัน
ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 9% จากระดับ 1,278 เหรียญในวันที่ 6 สิงหาคม พุ่งขึ้นมาสู่ระดับ 1,398 เหรียญในวันที่ 23 สิงหาคม แค่เพียงช่วงเวลาสองสัปดาห์เศษ และเมื่อย้อนไปจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ทำไว้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน บริเวณ 1,181 เหรียญ ราคาพุ่งขึ้นมา 18% ในช่วงเวลาไม่ถึงสองเดือน
ผลสำรวจทิศทางราคาทองคำประจำสัปดาห์ของ Kitco ชี้ให้เห็นว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากตลาดสามารถฝ่าแนวต้านที่สำคัญไปได้ อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจจาก Bloomberg พบว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้จะปรับตัวลดลง
บาร์เคลย์ส ระบุในรายงานเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 3 แต่จะถูกกดดันในช่วงไตรมาส 4 โดยจะมีค่าเฉลี่ยของไตรมาส 4 อยู่ที่ 1,294 เหรียญ หากเฟดมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย แต่หากเฟดมีการเลื่อนการชะลอ QE ไปเป็นเดือนธันวาคมอาจทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปสู่ระดับ 1,482 เหรียญอย่างเร็วที่สุดในเดือนตุลาคม
ทางประเทศไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการรัฐบาลอาวุโสและตัวแทนการค้าเพื่อหารือในเรื่องการกีดกันทางการค้าในเรื่องการส่งทองรูปพรรณไปยังประเทศอินเดีย
ข้อมูลจาก CFTC เก็บข้อมูลจนถึงวันที่ 20 ส.ค. ระบุว่า นักลงทุนเพิ่มการเก็งกำไรในทิศทางขาขึ้นมากที่สุดในรอบหกเดือน โดยเพิ่มขึ้น 29% สู่ระดับ 73,216 คู่สัญญา เนื่องจากสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
นายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวเมื่อคืนวันศุกร์ว่า เฟดไม่ควรสัญญาว่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตราบเท่าที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 1.5% และไม่มีความจำเป็นที่จะเร่งรีบลด QE
นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา ระบุว่า เฟดอาจมีการดำเนินการลดขนาด QE ขั้นแรกอย่างระมัดระวังอย่างเร็วที่สุดในเดือนกันยายน หากข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าสมควรที่จะกระทำ
ในการประชุมแจ็คสัน โฮลที่ผ่านมา สมาชิกอีซีบีแบ่งออกเป็นสองฝ่ายว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ย หรือจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยผู้ว่าธนาคารกลางไซปรัสระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายยังคงไม่ตัดสินใจในเรื่องอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (23 ส.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากหุ้นไมโครซอฟท์ที่พุ่งขึ้น ซึ่งช่วยหันเหความสนใจของนักลงทุนที่กำลังใจจดใจจ่อเกี่ยวกับกำหนดเวลาที่เฟดจะเริ่มลด QE
เช้านี้ ตลาดหุ้นเอเชียพุ่งขึ้น ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ทั้งนิกเกอิและฮั่งเส็ง
ตลาดฮั่งเส็งรอสัญญาณการรายงานผลประกอบการจากบริษัทการเงินขนาดใหญ่ของจีนในสัปดาห์นี้
ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน
- New Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 455 K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 487K ตัวเลขจริงที่ออกมา 394 K
ปัจจัยที่สำคัญที่ต้องติดตามวันนี้
- Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.1 % ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.6 %
- Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 3.9 % ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ -3.0 %
ทิศทางราคาทองคำ
โดยภาพรวมราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สอง โดยสามารถทะลุแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,385 เหรียญขึ้นมาได้ ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญของราคาทองคำ โดยที่ได้รับแรงเกื้อหนุนจากตลาดที่มีการซื้อขายในตลาดจีนที่ยังคงซื้อ Physical จำนวนมาก รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ออกมาไม่มั่นคง วิเคราะห์ได้ว่า ภาพรวมในระยะสั้นยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น และมีโอกาสไปทดสอบแนวต้านบนที่ระดับ 1,420 เหรียญ
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำทะลุเหนือแนวต้านสำคัญทำให้เข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น เหลือแนวต้านสุดท้ายที่ระดับ 1,460 เหรียญ ซึ่งเป็นเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ถ้าสามารถขึ้นไปได้จึงจะเป็นการยืนยันในทางเทคนิคว่าแนวโน้มกลับมาเป็นขาขึ้น อย่างไรก็ดีในระยะสั้นทางเทคนิคจะเห็นการแกว่งตัวค่อนข้างมาก โดยคาดว่าจะแกว่งในกรอบ 1,385 — 1,420 เหรียญ ทองคำไทยยังได้รับอานิสงส์ในทิศทางบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาทองคำไทยทะลุแนวต้าน 20,900 บาท/บาททองคำ ทำให้แนวโน้มระยะสั้นจะมีแนวต้านอยู่ที่ระดับ 21,400 บาท/บาททองคำ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ — ยังเป็นการลงทุนในทิศทางแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น โดยเก็งกำไรในทิศทางขาขึ้นในกรอบ 1,385 — 1,420 เหรียญ กรอบของราคาทองคำของไทยจะอยู่ที่ 20,900 — 21,200 บาท/บาททองคำ
นักลงทุนที่ถือ Long Position
ขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน
นักลงทุนที่ถือ Short Position
แนะนำให้ปิดสถานะ Short ไปนานแล้ว และหาจังหวะเปิด Long Position เพื่อทำกำไรในทิศทางขาขึ้นในระยะสั้น
Gold Futures Q13 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,140 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,340 บาท
Gold Futures V13 จะมีแนวรับที่ระดับ 21,260 บาท และแนวต้านที่ระดับ 21,460 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Research Department Tel: 02-222-6222 ext. 103
MTS Gold Co., Ltd. 40, 42, 44 บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด