กรุงเทพ--20 ต.ค.--กทม.
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 40 เวลา 10.00 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นพ.ขจิต ชูปัญญา รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นพ.ปิยเมธิ ยอดเณร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ นพ.พัฒน์ พงศ์วัฒนกุลศิริ ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค และพญ.รจนากร สิงคาลวณิช จากวชิรพยาบาล ร่วมกันแถลงข่าว "การควบคุมและป้องกันไข้เลือดออก"
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัจจุบัน สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในประเทศ พบว่าการมีระบาดอยู่ทางภาคเหนือและภาคอีสานบางจังหวัด ส่วนในภาคกลางมีบ้างประปราย และมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งจากรายงานของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ในปี 2540 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน มีผู้ป่วย จำนวนทั้งสิ้น 42,822 ราย และเสียชีวิต 95 ราย สำหรับในกรุงเทพมหานครนั้น สถานการณ์โรคไข้เลือดออกมีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงฤดูฝน โดยพบว่า มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในปี 2540 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน จำนวน 3,057 ราย และเสียชีวิต 2 ราย ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้กระจายอยู่ทุกพื้นที่เขต โดยเฉพาะเขตที่พบผู้ป่วยค่อนข้างมากกว่าเขตอื้น ได้แก่ เขตธนบุรี เขตราษฎร์บูรณะ เขตจอมทอง เขตบางกะปิ และเขตภาษีเจริญ โดยส่วนใหญ่พบในเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ลงมา และเป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่พบในกรุงเทพมหานครนั้น เริ่มมีแนวโน้มที่พบในกลุ่มประชาชนที่มีฐานะเศรษฐกิจปานกลาง
นพ.ขจิต กล่าวต่อไปว่า สาเหตุของโรคไข้เลือดออกนั้น เกิดจากเชื้อไวรัสเด้งกี่ ซึ่งมักเป็นกับเด็กอายุ 5-14 ปี โดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เมื่อยุงลายไปกัดผู้ป่วยที่มีเชื้อไข้เลือดออก เชื้อโรคนี้จะเข้าไปเจริญเติบโตในตัวยุงได้ตลอดชีวิต เมื่อยุงลายที่มีเชื้อนี้ไปกัดคนปกติจะทำให้ป่วยเป็นไข้เลือดออกได้ โดยใช้ระยะเวบาในการฝักตัว 5-8 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง 2-3 วัน ปวดศีรษะ บางรายอาจมีอาการชัก ปวดเมื่อยตามตัว มีจุดเลือดตามผิวหนัง ลำตัว แขต และขา บางรายมีเลือดกำเดาออก มีเลือดออกในกระเพาะอาหารและลำไส้ อาเจียนเป็นเลือดเก่า ๆ สีน้ำตาล ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ ถ้ารักษาไม่ทันผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 24-48 ชั่วโมง ทั้งนี้เนื่องจากผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ช้าเกินไปหรือเมื่อมีอาการรุนแรงแล้ว ฉะนั้นเมื่อสงสัยว่าป่วยเป็นไข้เลือดออก จึงควรปฏิบัติตนโดยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเมื่อมีไข้ ไม่ควรใช้ยาลดไข้เอง ถ้าหากจำเป็นควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา และห้ามใช้ยาแอสไพรินเด็ดขาด เพราะจะทำให้เลือดออกได้ง่ายขึ้นให้ผู้ป่วยดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำผสมน้ำตาลเกลือแร่บ่อย ๆ และควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาต่อไป
รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์และอันตราจของโรคไข้เลือดออกที่กำลังระบาดอยุ่ในขณะนี้กรุงเทพมหานครมีความห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชน เนื่องจากโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ดังนั้นกรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย จึงได้ดำเนินการควบคุมและป้องกันโรคไข้เลือดออก โดยการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนและจัดเจ้าหน้าที่ออกไปพ่นสารเคมีชนิดฝอยละเอียด เพื่อควบคุมประชากรยุงลายในชุมชนที่มีผู้ป่วยไข้เลือดออก รวมทั้งแจกสารกำจัดลูกน้ำยุงลาย (ทรายอะเบท) เพื่อใส่ในน้ำป้องกันการเกิดลูกน้ำยุงลายก่อนที่จะกลายเป็นตัวยุง ซึ่งสำนักอนามัยมีบริการแจกทรายอะเบทแก่ประชาชนเพื่อไปใส่ตามภาชนะขังน้ำต่าง ๆ ในการควบคุมลูกน้ำด้วย เช่นจานรองขาตู้กับข้าว แจกันดอกไม้ จานรองกระถางต้นไม้ และอ่างเก็บน้ำอาบในห้องน้ำ เป็นต้น โดยขอติดต่อรับได้ฟรีที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของสำนักอนามัย ทั้ง 60 แห่ง และที่สำนักงานเขตดุสิต สำหรับการป้องกันตนเองของประชาชนทั่วไป ควรระมัดระวังอย่าให้ถูกยุงกัดในเวลากลางวัน และควรร่วมมือกันทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุง โดยปิดฝาตุ่มหรือภาชนะใส่น้ำให้มิดชิด หมั่นเปลี่ยนน้ำในจานรองขาตู้กับข้าเสมอ ๆ และใส่เกลือหรือน้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา หรือใส่ผงซักฟอกครึ่งช้อนชา แจกันดอกไม้ก็ควรเปลี่ยนน้ำทุก 3 วัน นอกจากนี้ควรเก็บทำลายเศษภาชนะที่ไม่ใช้ประโยชน์ เช่น เศษกระถาง กะลา ภาชนะที่แตกหัก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งขังน้ำ และหากบ้านใดมีแหล่งน้ำขังที่สะอาดนิ่งหรืออ่างบัวควรปล่อยปลาหางนกยูงลงไปเพื่อช่วยกินลูกน้ำ เป็นการกำจัดแหล่งเพาะพันธ์ยุงได้อีกทางหนึ่งด้วย นอกจาากนี้ในปี 2540 สำนักอนามัย ได้ดำเนินการเพื่อควบคุมโรคไข้เลือดออกในแหล่งชุมชนแออัดให้เป็นแหล่งปลอดลูกน้ำ ได้จำรนวน 504 ชุมชน
หากประชาชนสงสัยเกี่ยวกับโรคไข้เลือดออก สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่กลุ่มงานกุมารเวชกรรมของโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ทุกแห่ง และฝ่ายโรคทั่วไป โทร.245-3082 และถ้าต้องการกำจัดยุง โปรดติดต่อขอรับบริการได้ที่ฝ่ายสัตว์นำโรค กองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โทร.311-1822 ในวันและเวลาราชการ--จบ