14 องค์กรภาคีเดินหน้าโครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงิน

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday September 24, 2013 14:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ก.ย.--ก.ล.ต. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วม 13 องค์กรพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สำนักงานประกันสังคม กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมนักวางแผนการเงินไทย และสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันดำเนินโครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงิน เพื่อมุ่งให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นของการวางแผนทางการเงิน การลงทุนเพื่ออนาคต การลงทุนเพื่อยามเกษียณ การเข้าถึงบริการที่เหมาะสมกับความต้องการ และรักษาประโยชน์ของตนเองจากการใช้บริการทางการเงิน นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. และองค์กรภาคีทั้ง 13 แห่ง มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะพัฒนาและดูแลการให้บริการทางการเงินภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานอย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากร ด้วยการสร้างวินัยการเงิน รู้จักเก็บ รู้จักใช้ รู้จักลงทุน มีการวางแผนทางการเงิน มีความรู้การลงทุน ตลอดจนรู้จักจัดการความเสี่ยงทางด้านการเงิน” การลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันของทั้ง 14 องค์กรภาคีในครั้งนี้ มุ่งหมายให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแผนการดำเนินงานเกี่ยวกับ องค์ความรู้ ประสบการณ์ และผลสำเร็จของการให้ความรู้ด้านการเงิน การลงทุน การบริหารความเสี่ยง รวมถึงเนื้อหาและรูปแบบการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ลดความซ้ำซ้อน และเสริมกำลังด้านข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของกลุ่มเป้าหมาย ให้มีความรู้เพิ่มขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการบริหารเงินไปในทิศทางที่ดีขึ้น นายวรพลกล่าวเพิ่มเติมว่า “การเสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้ทางด้านการเงินที่เพียงพอนั้น จำเป็นต้องอาศัยทรัพยากร กำลังความสามารถจากหลากหลายหน่วยงาน และ ก.ล.ต. เชื่อมั่นว่า ความร่วมมือจากทั้ง14 องค์กรภาคีซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับประชาชนวงกว้างจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสามารถช่วยกันเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงินได้ในที่สุด” คำกล่าวของผู้บริหารองค์กรภาคี นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้ด้านการเงินและการลงทุนแก่ประชาชนไทยในทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกระดับอายุ ครอบคลุมตั้งแต่ เด็ก เยาวชน ผู้ลงทุน ผู้มีเงินออม และประชาชนทั่วไปอย่างต่อเนื่องมากว่า 10 ปี โดยมีศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI) ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจดังกล่าวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ในฐานะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความพร้อมทั้งด้านองค์ความรู้ สื่อการเรียนรู้ และบุคลากร จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนภารกิจด้านการให้ความรู้ทางการเงินแก่องค์กรภาคี ภายใต้โครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ด้านการเงินการลงทุนซึ่งสอดคล้องกับภารกิจที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนไทย มีความรู้ความเข้าใจทางการเงินอย่างถูกต้อง และสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตนเอง ครอบครัว และสังคมได้อย่างยั่งยืน นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมบริหารกองทุนประกันสังคมซึ่งมีเงินลงทุนรวมกันมากกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยกว่า 90% ของเงินลงทุนเป็น“เงินออมชราภาพ” ของผู้ประกันตนจำนวนกว่า 11 ล้านคน สำนักงานจึงมีภารกิจหลักในการบริหารจัดการ “ระบบการออมภาคบังคับ” ในกลุ่มผู้ใช้แรงงานเพื่อให้มีเงินบำเหน็จหรือบำนาญใช้หลังเกษียณ นอกจากนี้ สำนักงานประกันสังคมยังได้รับมอบหมายภารกิจจากรัฐบาลในการขยายความคุ้มครองไปยังแรงงานนอกระบบอีกจำนวนกว่า 24 ล้านคน เพื่อให้มีระบบการออมเพื่อเกษียณเช่นเดียวกับแรงงานที่อยู่ในระบบ ในการนี้ สำนักงานจึงมีความยินดีที่จะร่วมมือกับนักลงทุนสถาบันอื่นๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเงินและการลงทุน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้และเห็นความสำคัญของการออมเงิน มีวินัยการออม และบริหารจัดการเงินออมให้เติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวว่า กบข. เดินหน้าสร้างความเพียงพอของเงินออมหลังเกษียณให้กับสมาชิกกว่า 1.2 ล้านคน อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ กบข. เร่งสร้างให้เกิดผลอย่างจริงจัง โดยมุ่งปลูกฝังทัศนคติ และความรู้ความเข้าใจผ่านกิจกรรมการเดินสายบรรยายให้กับสมาชิกทั่วประเทศ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ สื่อหนังสือพิมพ์ รวมถึง เว็บไซต์ กบข.อย่างจริงจัง ซึ่งได้จัดทำเนื้อหาครอบคลุมการบริหารหนี้ บริหารเงินออม และการบริหารเงินลงทุน รวมถึงแนะนำประโยชน์ของบริการจาก กบข. ได้แก่ บริการออมเพิ่ม ที่ช่วยเพิ่มค่าเงินออม ลดหย่อนภาษี บริการออมต่อ ที่ช่วยวางแผนการเงินหลังเกษียณได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแผนทางเลือกการลงทุน ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เลือกแผนการลงทุนได้ตรงกับความต้องการผลตอบแทนและระดับการยอมรับความเสี่ยง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความเพียงพอของเงินออมหลังเกษียณให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลอย่างแท้จริง และ กบข. จะรุกหน้าต่อไป โดยตั้งเป้าว่าหากสมาชิก กบข. 1.2 ล้านคน มีความรู้ความเข้าใจและทัศนคติที่ดีในการสร้างความเพียงพอของเงินออมหลังเกษียณแล้ว จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยรุ่งเรืองได้อย่างแน่นอน เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชนเป็นภารกิจของหลายองค์กร คปภ. ในฐานะหน่วยงานของรัฐก็มีภารกิจในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยแก่ประชาชนทุกภาคส่วน ซึ่งได้มีการดำเนินโครงการมาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน จึงถือเป็นเรื่องที่ดีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ริเริ่มโครงการเปลี่ยนประเทศไทยให้รุ่งเรืองด้วยความรู้ทางการเงิน เพื่อเชิญชวนให้องค์กรภาคการเงินต่างๆ ได้เข้าร่วมเป็นภาคีในการให้ความรู้ด้านการเงินแก่ประชาชน เสริมสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงานภาคีถึงขอบเขต แผนการดำเนินงานการให้ความรู้ด้านการเงินของแต่ละองค์กรว่ามีกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาหลัก รูปแบบการจัดของแต่ละแผนงาน/โครงการ เพื่อให้องค์กรอื่นได้ทราบ และสามารถวิเคราะห์หาโอกาสในการบูรณาการ การปฏิบัติงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพื่อลดความช้ำซ้อนในการดำเนินงานระหว่างกันรวมถึงเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และสื่อความรู้ด้านการเงิน การลงทุนและการบริหารความเสี่ยงต่างๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ในปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ และทักษะด้านการเงิน อาทิ การขาดวินัยการออม การใช้จ่ายเกินตัว การก่อภาระหนี้ที่ไม่จำเป็น ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจระดับชาติได้ การลงนามในบันทึกความเข้าใจในฉบับนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่องค์กรภาคีซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นองค์กรที่มีภารกิจที่หลากหลาย ทั้งการกำกับดูแล การให้บริการ การพัฒนาการให้บริการด้านการเงินแก่ประชาชนจะจัดร่วมกันทำกิจกรรมให้ความรู้ทางการเงินเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเงินของประชาชน และสามารถมีผลสำเร็จของภาพรวมและสถิติร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชน รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดเงินของไทยมากยิ่งขึ้นต่อไป นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวถือว่าเป็นโครงการที่ดีมากและสอดคล้องกับแนวทางดำเนินงานของเครดิตบูโรที่มุ่งมั่นทำประโยชน์เพื่อสังคมทั้งในด้านคุณภาพชีวิตที่ดีและการมีวินัยทางการเงิน ตลอดจนการรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัย เมื่อมีหนี้” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผน การเงินพร้อมมีวินัยในการรักษาเครดิตของตนเอง เครดิตบูโรจึงตอบรับคำเชิญจากสำนักงาน ก.ล.ต.เข้าร่วมเป็นองค์กรภาคีในครั้งนี้ เพราะเครดิตบูโรอยากเห็นคนไทยมีวินัยทางการเงินเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ เลขาธิการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) กล่าวว่า ความร่วมมือในโครงการนี้จะทำให้การส่งเสริมความรู้ทางการเงินการลงทุนให้กับประชาชนคนไทยมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น และเกิดการใช้ทรัพยากรขององค์กรต่างๆ ที่เข้าร่วมเป็นภาคีอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งในส่วนของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยก็ได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมมามากกว่า 2 ปี ตั้งแต่จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม ATI โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกในแต่ละภูมิภาคในการให้ความรู้ทางการเงินการลงทุนกับนักศึกษาและประชาชนที่สนใจในทุกภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง นายธีระ ภู่ตะกูล นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) กล่าวว่า สมาคมฯ รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ผลักดันให้ประชากรของประเทศมีความรู้ทางการเงินการลงทุนในวงกว้างยิ่งขึ้น และเห็นว่าการที่มีความร่วมมือจากหลากหลายองค์รกรจะเป็นการส่งเสริมให้นโยบายการดำเนินงานในด้านต่างๆ มีประสิทธิผลมากขึ้น สำหรับในส่วนของสมาคมฯ เชื่อว่าองค์ความรู้ของนักวางแผนการเงิน CFP และที่ปรึกษาการเงิน AFPT ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมฯ จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมคนในสังคมไทยให้มีความรู้พื้นฐานการวางแผนการเงินส่วนบุคคลอย่างถูกต้องยิ่งขึ้นทั้งในเรื่องการวางแผนการออมการลงทุน การวางแผนประกันชีวิต การวางแผนเพื่อการเกษียณ และการวางแผนภาษี ซึ่งหากคนไทยมีการวางแผนการเงินที่ดีก็จะทำให้ช่วยลดปัญหาหนี้สินในครัวเรือนลงได้และทำให้ฐานะทางการเงินดีขึ้นอีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ