รายงานตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสสามและแนวโน้มโค้งสุดท้ายปี 2556

ข่าวอสังหา Thursday October 3, 2013 13:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ต.ค.--สมาคมไทยรับสร้างบ้าน ภาวการณ์ทั่วไป สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) รายงานภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัดระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2556 พบว่า ปริมาณและมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านหรือความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ขยายตัวได้ดีกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ นั้นมียอดขายบ้านเติบโตขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ยังมีสัดส่วนยอดขายบ้านต่ำกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ ทั้งนี้ ความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่และยอดขายที่ขยายตัวในช่วงไตรมาสสาม เหตุผลสำคัญประการหนึ่งเป็นเพราะผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ โหมกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคอย่างพร้อมเพรียงกัน จากสถานการณ์ดังกล่าว สมาคมฯ ประเมินว่าปริมาณและมูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 12 ขณะที่ยอดขายบ้านรวมเฉพาะในกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ เติบโตกว่าร้อยละ 40เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว โดยเมื่อแยกสัดส่วนยอดขายบ้านเป็นรายภูมิภาค พบว่า พื้นที่ภาคกลางมีสัดส่วนยอดขายเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็นร้อยละ 32 อันดับที่ 2 ภาคอีสานมีสัดส่วนยอดขายร้อยละ 25 อันดับที่ 3 ภาคใต้ร้อยละ 21 และภาคเหนือ, กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีสัดส่วนยอดขายร้อยละ 14 และ 8 ตามลำดับ ทั้งนี้ หากแยกพิจารณาโดยแบ่งเป็น ตลาดรับสร้างบ้านกทม.และปริมณฑล : ต่างจังหวัด พบว่า สัดส่วนมูลค่าตลาดกทม.และปริมณฑล คิดเป็นร้อยละ 8 และมูลค่าตลาดต่างจังหวัดคิดเป็นร้อยละ 92 ซึ่งข้อมูลสะท้อนให้เห็นว่าชัดเจนว่าแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวไปในทิศทางใด การแข่งขัน สำหรับภาพรวมและทิศทางการแข่งขันในช่วงไตรมาสสามที่ผ่านมา พบว่าบรรดาผู้ประกอบการมีการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นออกมากระตุ้นกำลังซื้อกันอย่างคึกคัก ซึ่งมีทั้งแคมเปญมอบส่วนลด ของแถม และจับรางวัล นับเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่บริษัทรับสร้างบ้านมีการแข่งขันกันรุนแรง โดยบางรายสามารถให้ส่วนลดสูงสุด 20-25% ทั้งนี้ เวทีการแข่งขันในไตรมาสสามของกลุ่มผู้ประกอบการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงเป็นการจัดกิจกรรมการตลาดผ่านอีเวนต์มาร์เกตติ้งเป็นหลัก อย่างไรก็ดี ปีนี้พบว่ากำลังซื้อผู้บริโภคค่อนข้างกระจุกตัว หรือตัดสินใจเลือกสร้างบ้านกับผู้ประกอบการ ที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือเป็นสำคัญ โดยสมาคมฯ ประเมินว่าบริษัทรับสร้างบ้านในกลุ่ม Top 5 น่าจะมีแชร์ส่วนแบ่งกว่าร้อยละ 40 จากมูลค่าตลาดรวม ในขณะที่มีบริษัทรับสร้างบ้านรายเล็กรายกลางที่แข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้านรวมๆ กันแล้วเกือบ 100 ราย ทั้งนี้ ผลสำรวจของสมาคมฯ เกี่ยวกับโปรโมชั่นที่ผู้ประกอบการนำเสนอและได้รับความนิยมสูงสุดคือ อันดับแรก ส่วนลดเงินสด คิดเป็นร้อยละ 48 อันดับที่ 2 เครื่องปรับอากาศ คิดเป็นร้อยละ 18 และอันดับ 3 สมาร์ทโฟน คิดเป็นร้อยละ 12 อันดับ 4 จับรางวัลรถยนต์ คิดเป็นร้อยละ 9 และ อื่นๆ ร้อยละ 13 อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคที่ตอบแบบสอบถาม ยังคงพิจารณาตัวผู้ประกอบการเป็นองค์ประกอบสำคัญก่อน โดยหลักๆ จะพิจารณาจาก 1.ความรับผิดชอบและผลงานที่ผ่านมา 2.ไม่เคยถูกผู้บริโภคร้องเรียนหรือถูกร้องเรียนน้อยที่สุด และ 3.สามารถให้บริการสร้างบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือมีสาขาต่างจังหวัด ฯลฯ เป็นต้น แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านโค้งสุดท้ายปี 56 สำหรับ ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปีนี้ สมาคมฯ คาดการณ์ว่าบริษัทรับสร้างบ้านในกลุ่ม Top 5 ซึ่งได้แก่ กลุ่มพีดีเฮ้าส์ กลุ่มซีคอนโฮม กลุ่มบิวท์ทูบิวด์ กลุ่มแลนดี้โฮม และกลุ่มรอแยลเฮ้าส์ น่าจะยังรุกทำตลาดทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งตลาดต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นเพราะต้องการทำตลาดและเร่งตัวเลขยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ในปีนี้โดยสมาคมฯ มีการรวบรวมตัวเลขเป้ายอดขายรวมของบริษัทรับสร้างบ้าน Top 5 กลุ่มนี้พบว่ามีมูลค่าที่ตั้งเป้าไว้สูงถึง 4,000-4,500 ล้านบาท ในขณะที่สมาคมฯ ประเมินมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ไว้ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาทเศษ สมาคมฯ ยังพบว่ามีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายกลางและใหญ่ อย่างเช่น เอสซีจีไฮม์ และอีก 2-3 รายที่แตกไลน์มาจากผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง สามารถแชร์ส่วนแบ่งตลาดรับสร้างบ้านได้อีกกว่า 1,000 ล้านบาท (ไม่นับมูลค่ารับสร้างบ้านให้โครงการบ้านจัดสรร) ดังนั้น หากประเมินตัวเลขยอดขายและรายได้ของผู้ประกอบการรายกลางรายเล็ก ที่แข่งขันทำการตลาดกันอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านเกือบ100 ราย เฉลี่ยแล้วจะมีส่วนแบ่งตลาดหรือยอดขายประมาณ 50-70 ล้านบาทต่อรายต่อปี อย่างไรก็ดี ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นไปในทิศทางชะลอตัว แต่สมาคมฯ ประเมินว่าผู้บริโภคและประชาชนยังมีความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ ทั้งนี้ เพราะตลาดรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดยังมีกำลังซื้ออยู่จำนวนมาก เพียงแต่ผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ โดยเฉพาะกลุ่ม Top 5 ควรหันมาทำตลาดและให้บริการรับสร้างบ้านในต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มตัวเลขยอดขายให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ และจะส่งผลให้ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ เติบโตทะลุตัวเลขสองหลักในรอบ 5 ปี สมาคมฯ แนะ นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า หากบริษัทรับสร้างบ้านรายใด จะขยายการให้บริการออกไปยังต่างจังหวัดนั้น แนะนำว่า ผู้ประกอบการควรเปิดสำนักงานสาขาและมีทีมงานอยู่ประจำในพื้นที่จังหวัดนั้นๆ หรือจังหวัดใกล้เคียงระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตร ทั้งนี้ เพราะจากข้อมูลที่สมาคมฯ รวบรวมไว้ พบว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้ว่าจ้างกับผู้ประกอบการที่เกิดขึ้น และนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกันนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากตัวแทนและผู้ประกอบการรับสร้างบ้านเอง ไม่สามารถดูแลและควบคุมงานก่อสร้างได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งไม่อาจแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อสร้างได้อย่างรวดเร็ว เหตุก็เนื่องมาจาก ระยะทางระหว่างสำนักงานกับสถานที่ก่อสร้างห่างไกลกัน โดยผู้บริโภคมองว่าบริการและคุณภาพการสร้างบ้านไม่เป็นไปตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ ฉะนั้น ทางที่ดีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านควรลงทุนขยายสาขาเพิ่มไปพร้อมๆ กัน นายสิทธิพร กล่าวอีกว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้ ดูจะไม่สดใสหรืออยู่ในภาวะชะลอตัว กอปรกับภัยธรรมชาติหรือปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้น ยอมรับว่าเป็นปัจจัยรบกวนการขยายตลาดรับสร้างบ้านในปีนี้พอสมควร แต่โดยภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านและยอดขายบ้านในกลุ่มสมาชิกสมาคมฯ ทั่วประเทศในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานั้น ยังจัดว่ามีการขยายตัวเป็นที่น่าพอใจ นัยสำคัญๆ ที่ทำให้มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านเติบโต เป็นผลมาจากการเลือกที่ขยายสู่ตลาดบลูโอเชียน และเปิดตลาดใหม่ๆ ในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผู้ประกอบการเองสามารถสร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น จนสามารถเพิ่มแชร์ส่วนแบ่งตลาดหรือรองรับกำลังซื้อใหม่ๆ ได้ทั่วประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายใด สนใจที่จะเข้าถึงผู้บริโภคหรือกำลังซื้อต่างจังหวัดกลุ่มใหญ่นี้ อย่างไรก็ดี สมาคมฯ ประเมินว่าปริมาณและมูลค่าบ้านสร้างเอง ประเภทบ้านเดี่ยวทั่วประเทศในปี 2556 นี้ มีจำนวนกว่า 8 หมื่นหน่วย โดยแบ่งออกเป็นกทม.และปริมณฑลประมาณเกือบ 2 หมื่นหน่วย และต่างจังหวัดประมาณ 6 หมื่นหน่วยเศษ โดยกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจปีนี้ คาดว่าจะมีแชร์ส่วนแบ่งทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัดเพียง 3,800-4,000 หน่วย ฉะนั้นโอกาสที่จะเพิ่มแชร์ส่วนแบ่งตลาดต่างจังหวัดจึงยังสดใส และน่าจะขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของผู้ประกอบการเองว่าจะรองรับกำลังซื้อได้มากน้อยเพียงใด หมายเหตุ: ตลาดบ้านสร้างเอง ได้แก่ - บ้านที่ประชาชนสร้างบนที่ดินของตัวเอง (ไม่ได้สร้างโดยผู้ประกอบการบ้านจัดสรร) โดยอาจว่าจ้างสถาปนิกออกแบบก่อน หรือซื้อแบบบ้านสำเร็จรูป หรือขอแบบบ้านฟรีจากส่วนราชการ จากนั้นจึงว่าจ้างช่างหรือผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป อาจเป็นการจ้างเหมาทั้งวัสดุและค่าแรง หรือจัดซื้อวัสดุเองแล้วว่าจ้างเฉพาะค่าแรง รวมทั้งใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านให้เป็นผู้ทำการก่อสร้าง ตลาดรับสร้างบ้าน ได้แก่ - บ้านที่ประชาชนสร้างบนที่ดินของตัวเอง (ไม่ได้สร้างโดยผู้ประกอบการบ้านจัดสรร) โดยว่าจ้างหรือใช้บริการเฉพาะกับบริษัทรับสร้างบ้านที่อยู่ในระบบและแข่งขันอยู่ในตลาดรับสร้างบ้านเท่านั้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ