กรุงเทพ--13 ธ.ค.--ตลท. "Value at Risk (VaR)" เป็นมาตรวัดมูลค่าความเสียหายสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นภายใต้ระดับความเชื่อมั่นตามความน่าจะเป็นและช่วงเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ธุรกิจต่างๆ สามารถใช้ VaR เพื่อจำกัดขอบเขตของความเสี่ยงที่จะรับได้ เพื่อรายงานความเสี่ยงของกิจการในมาตรวัดเพียงตัวเดียวเพื่อกำหนดขนาดของเงินกองทุน การโยกย้ายเงินทุนภายในกิจการ และสามารถใช้ VaR เป็นมาตรวัดผลการดำเนินงาน” การเติบโตและผันผวนอย่างรวดเร็วและความซับซ้อนของตลาดการเงินโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ผู้มีส่วนร่วมในตลาดการเงินที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก เริ่มตระหนักเป็นอย่างมากถึงการบริหารความเสี่ยงจากการลงทุน ในหลักทรัพย์และความเสี่ยงจากการที่คู่ค้าไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง อีกทั้งองค์กรกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจ ก็ได้พิจารณาหามาตรการกำหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลด้านความเสี่ยงต่อผู้ลงทุนอย่างโปร่งใสยิ่งขึ้น ธุรกิจหลักทรัพย์ กิจการวาณิชธนกิจ กองทุนรวม ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน รวมทั้งกิจการที่มิใช่สถาบันการเงินที่ลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ หรือความเสี่ยงจากตลาด (market risk) วิธีการบริหารความเสี่ยงแบบเดิมที่ธุรกิจต่างๆ ใช้อยู่ได้แก่ การใช้แนวคิดการกระจายการลงทุนเพื่อบริหารกลุ่มหลักทรัพย์ การวิเคราะห์สถานการณ์จำลองเพื่อคาดการณ์ผลตอบแทนและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และการบริหารอายุของทรัพย์สินและหนี้สิน ตามการคาดการณ์โครงสร้างอัตราดอกเบี้ยตามอายุไถ่ถอน วิธีการเหล่านี้แต่ละวิธีมีข้อจำกัดในตัวเอง ดังนั้น สถาบันการเงินชั้นนำของโลก จึงได้พยายามหาตัวแบบที่จะใช้วัดความเสี่ยง และรวมความเสี่ยงจากการถือครองหลักทรัพย์ของแต่ละส่วนเข้าเป็นมาตรวัดเพียงตัวเดียว อันเป็นที่มาของการบริหารความเสี่ยงโดยใช้เทคนิค Value at Risk หรือ VaR ตราบจนทุกวันนี้ เทคนิคบริหารความเสี่ยงโดยใช้ VaR ได้แผ่ขยายอย่างรวดเร็วไปในธุรกิจหลักทรัพย์และกิจการวาณิชธนกิจ และยังได้เข้าสู่กิจการธนาคารพาณิชย์ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมต่างๆ ตลอดจนสถาบันที่มิใช่สถาบันการเงิน และได้มีการพัฒนาระบบการคำนวณอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นจากจุดเริ่มต้นที่ VaR มุ่งบริหารความเสี่ยงจากการลงทุน ในกลุ่มหลักทรัพย์หรือความเสี่ยงจากตลาด (market risk) เป็นสำคัญ ทุกวันนี้ระบบ VaR ยังได้พัฒนาวิธีการบริหารความเสี่ยงให้ครอบคลุมถึงความเสี่ยงอื่นๆ ด้วย ได้แก่ ความเสี่ยงจากการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงของคู่ค้า (counter-party risk) รวมทั้งความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (liquidity risk) ของหลักทรัพย์ นอกจากที่ธุรกิจต่างๆ จะรับเทคนิค VaR ไปใช้ในการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจและลูกค้าอย่างกว้างขวางแล้ว องค์กรของรัฐและองค์กรระหว่างประเทศ ซึ่งมีบทบาทในการกำกับดูแลหน่วยงานธุรกิจต่างๆ ก็ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา องค์กรกำกับดูแลธุรกิจหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) ได้กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์และธุรกิจอื่นที่มีทุนจดทะเบียนสูงต้องระบุและรายงานปริมาณความเสี่ยงด้านตลาดที่ธุรกิจเหล่านั้นต้องเผชิญ (ตาม Regulation S-K, Item 305) ทั้งนี้ตามข้อกำหนดดังกล่าว การเปิดเผยตาม VaR เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ได้ นอกจากนั้น เมื่อปี 1993 BIS (Bank for International Settlements) โดย Basle Committee on Banking Supervision ได้แก้ไขมาตรการการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านเครดิตของธนาคาร และเพิ่มเติมข้อกำหนดการรายงานความเสี่ยงจากตลาดไว้ด้วย และในปี 1998 BIS อนุญาตให้ธนาคารคำนวณภาระของเงินทุนสำหรับความเสี่ยงจากตลาด (market risk) โดยอาจใช้ตัวแบบมาตรฐานหรืออาจใช้ตัวแบบที่อิงเทคนิค VaR เป็นฐานสำหรับการคำนวณภาระของเงินทุน ณ ระดับความเชื่อมั่น 99% ได้ สำหรับในประเทศไทยทั้งภาคเอกชนไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจการธนาคาร และสถาบันการเงินอื่นๆ รวมทั้งหน่วยงานของทางการได้เห็นความสำคัญในการหามาตรการบริหารความเสี่ยงกันแพร่หลายขึ้น หลายหน่วยงานได้เริ่มนำเทคนิค VaR มาใช้ในการวัดและบริหารความเสี่ยงจากตลาดและความเสี่ยงด้านเครดิต ดังนั้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เล็งเห็นว่าหากแต่ละองค์กรได้มีความรู้ความเข้าใจในเทคนิค VaR อย่างแท้จริง การใช้เทคนิค VaR เพื่อบริหารความเสี่ยงในธุรกิจต่างๆ ในไทย จะเป็นกระแสแนวคิดแนวปฏิบัติที่แพร่หลาย อันจะยังประโยชน์แก่ธุรกิจต่างๆ และผู้ลงทุน มากขึ้น ในโอกาสที่ รศ. ดร. อัญญา ขันธวิทย์ ซึ่งท่านเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมบุกเบิกก่อตั้งโครงการปริญญาโททางการเงิน (Master in Finance Program หรือ MIF) ทั้งยังเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาแนะนำด้านวิชาการแก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รับการกำหนดตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ ในสาขาวิชาการเงินการธนาคาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นับเป็นความภาคภูมิใจยิ่งของสถาบันทั้งสามโดยรวมและของโครงการ MIF ดังนั้น โครงการ MIF จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะร่วมแสดงความยินดีและความภาคภูมิใจในตำแหน่งทางวิชาการอันทรงเกียรตินี้ โดยร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด จัดสัมมนาทางวิชาการเรื่อง "การใช้เทคนิค VaR เพื่อบริหารความเสี่ยงของธุรกิจหลักทรัพย์" ขึ้น ในวันที่ 23 ธันวาคม 2542 โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าร่วมสัมมนา วัตถุประสงค์ของการสัมมนา เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ร่วมกันเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ดังนี้ * ทิศทางของนโยบายของทางการ ในการกำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจหลักทรัพย์ * การใช้เทคนิค VaR เพื่อบริหารความเสี่ยงในการลงทุน ในกลุ่มหลักทรัพย์ * การใช้เทคนิค VaR ในการกำหนดค่าความเสี่ยงเพื่อคำนวณขนาดเงินกองทุนสุทธิของบริษัทหลักทรัพย์ * การใช้เทคนิค VaR สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ในการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ลงทุน ซึ่งซื้อขาย Stock Options, Index Options และ Derivative Warrants * การใช้เทคนิค VaR ในการบริหารความเสี่ยงของการลงทุน ซึ่งมีฐานะในหลักทรัพย์อนุพันธ์ ผู้เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 500 คน จากธุรกิจหลักทรัพย์ รวมทั้งจากสถาบันการเงินต่างๆ บริษัทจัดการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งนี้เป็นการสัมมนาที่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าร่วมสัมมนา ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนาควรมีความรู้พื้นฐานทางสถิติ อย่างน้อยในด้าน "การแจกแจงแบบปกติ" วัน-เวลา และสถานที่สัมมนา : วันที่ 23 ธันวาคม 2542 ระหว่างเวลา 8:00-16:30 น. ณ ห้องประชุมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชั้น 3 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 62 ถนนรัชดาภิเษก คลองเตย กทม. 10110 การติดต่อสำรองที่นั่ง : ผู้สนใจสำรองที่นั่งได้ที่ โครงการ MIF คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หมายเลขโทรศัพท์ 613-2246 และ 225-2114 หมายเลขแฟกซ์ 225-2109 e-mail [email protected] ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปกำหนดการสัมมนา8:00-8:45 น. ลงทะเบียน8:45-9:00 น. พิธีเปิดสัมมนาประธานในพิธีเปิดสัมมนา : ศาสตราจารย์ คุณหญิงนงเยาว์ ชัยเสรี นายกสภา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์9:00-09:45 น. "นโยบายของทางการ ต่อการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจหลักทรัพย์" โดยดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์09:45-10:00 น. พักรับประทานกาแฟ10:00-12:00 น. "การใช้เทคนิค VaR เพื่อบริหารความเสี่ยง" พร้อมตัวอย่างการใช้เทคนิคในการบริหารความเสี่ยงของการลงทุนในกลุ่ม หลักทรัพย์โดย ศาสตราจารย์ ดร.อัญญา ขันธวิทย์ ภาควิชาการเงินและการธนาคาร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์12:00-13:15 น. รับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย13:15-14:15 น. "การใช้เทคนิค VaR ในการกำหนดค่าความเสี่ยงเพื่อคำนวณขนาดเงินกองทุนสุทธิของบริษัทหลักทรัพย์" โดย ดร.สุรีย์พร ยะมะชิตะ หัวหน้าผู้วิเคราะห์ สำนักวิจัยและพัฒนาตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์14:15-15:15 น. "การใช้เทคนิค VaR สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ ในการบริหารความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ลงทุน ซึ่งซื้อขาย Stock Options, Index Options และ Derivative Warrants" โดย ดร.รินใจ ไชยสุต หัวหน้าส่วนวิจัยการพัฒนาตลาดทุนและ เลขานุการ คณะทำงานเตรียมความพร้อมในการดำเนินจัดตั้งตลาดซื้อขายตราสารอนุพันธ์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย15:15-15:30 น. พักรับประทานกาแฟ15:30-16:30 น. "การใช้เทคนิค VaR ในการบริหารความเสี่ยงของการลงทุน ซึ่งมีฐานะในหลักทรัพย์อนุพันธ์" โดย ดร.สมจินต์ ศรไพศาล ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมวรรณ จำกัด--จบ--